xs
xsm
sm
md
lg

“เอกชน-ตลาดหุ้น” ผวา! กนง.ขึ้นดอกเบี้ย-กระทุ้งคลังคุมเงินเฟ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาคเอกชน-คนตลาดหุ้น ดาหน้าออกโรงค้าน กนง.เตรียมปรับขึ้น ดบ.นโยบาย หวั่นกระทบตัวเลขการลงทุน พร้อมเรยกร้อง รมว.คลัง ออกมาคุมตัวเลขเงินเฟ้อ ขณะที่รัฐบาลเตรียมเดินหน้าโครงการประชานิยม โดยหว่านเม็ดเงินลงรากหญ้าอีกหลายระลอก

วันนี้ (29 มิ.ย.) นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ว่า ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องโดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงชะลอการลงทุน และรอดูราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนสำคัญในการดำเนินธุรกิจว่าจะอยู่ที่ระดับใด ทั้งนี้ หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขสถานการณ์เงินเฟ้อ คงต้องดูจังหวะในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากราคน้ำมัน เนื่องจากจะกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

รองผู้จัดการ ตลท.ยังกล่าวอีกว่า การปรับตัวของตลาดทุนในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นทันที หากสถานการณ์ทางการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งรัฐบาลอาจต้องปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีบางท่าน ออกไป

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยมองว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายรู้ปัญหาดีอยู่แล้วและรู้ว่าผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมาเป็นอย่างไรต้องแก้ไขตรงจุดไหนบ้าง ซึ่งภาคเอกชนกำลังรอดูการเร่งรัดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร หากมีการปรับ ครม.ชุดใหม่เข้าทำงานแทนรัฐมนตรีที่ถูกปรับออก ก็ต้องดูว่ามีนโยบายและการทำงานเป็นทีมหรือไม่

ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 16 ก.ค.นี้ จะต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรจะเป็นอย่างไรจากพื้นฐานเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเพราะต้นทุนของราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจนภาคเอกชนมีความเป็นห่วงว่าจะส่งผลให้การลงทุนชะลอตัวลงด้วย ฉะนั้น ภาครัฐต้องเร่งรัดการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น กนง.ต้องดูให้ละเอียด เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่น เพราะดอกเบี้ยมีผลทางจิตวิทยาต่อการบริโภคและการลงทุน หากมีการขึ้นดอกเบี้ยอาจกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของธุรกิจบางสาขา เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการภาษีกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์แล้วก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า ธปท.ไม่ควรใช้นโยบายดอกเบี้ยดูแลเงินเฟ้อ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร แต่ควรใช้อัตราแลกเปลี่ยนดูแลเงินเฟ้อมากกว่า ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยู่ที่ 33-34 บาทต่อดอลาร์ ถือว่าเหมาะสมแล้ว

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับเปลี่ยน ครม.หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อสะท้อนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีที่ดูแลเศรษฐกิจคนใหม่ที่เข้ามาดูแลงานด้านเศรษฐกิจต้องเป็นรัฐมนตรีที่ประสานงานกับหลายกระทรวงได้ เพราะไม่มีคนใดคนหนึ่งที่ทำงานได้เองทั้งหมด และต้องรู้ปัญหาที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด

นอกจากนี้ นโยบายด้านเศรษฐกิจต้องมีความชัดเจน เพื่อให้เอกชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่วนปัญหาเงินเฟ้อนั้น กระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติ ต้องดูข้อมูล และหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น