ททท.บุกตลาดแอฟริกาใต้ จับตลาดไฮเอนด์ ทั้งชาวผิวขาว และกลุ่มแบล็ก ไดมอนด์ ชวนเที่ยวไทยช่วงโลว์ซีซัน เร่งดันไทยเป็นฮับ ในการเดินทางท่องเที่ยวจากแดนขั้วโลกใต้ ก่อนต่อไปทัวร์ยุโรป เตรียมจัดแฟมทริปเชิญสื่อและบริษัทนำเที่ยวสำรวจเส้นทาง ส่วนตลาดระยะใกล้ เพิ่มงานโรดโชว์ 4 ประเทศเพื่อนบ้าน มาเลเซีย อินโดฯ สิงคโปร์ และจีน หวังประคองให้มีรายได้ถึงสิ้นปี 6 แสนล้านบาท ตามเป้าหมาย
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุก บุกตลาดรองที่มีศักยภาพสูง เพื่อจะได้ขึ้นเป็นตลาดหลักในอนาคต รวมถึงเร่งเพิ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในช่วงโลว์ซีซันของประเทศไทย โดยเฉพาะในตลาดที่มีวันพักเฉลี่ยนาน แหล่งท่องเที่ยวที่นำเสนอ เช่น ภูเก็ต กระบี่ สมุย (จ.สุราษฎร์ธานี) และเชียงใหม่ เป็นต้น
ล่าสุด ได้นำภาคเอกชน อาทิ บริษัท นำเที่ยว และโรงแรม เดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่หลากหลาย เน้นจับตลาดไฮเอนด์ ทั้งกลุ่มคนผิวขาว และกลุ่มคนผิวดำที่ฐานะดี หรือ แบล็ก ไดมอนด์ สินค้าทางการท่องเที่ยวที่ ททท.นำไปเสนอขาย อยู่ในกลุ่ม เซเว่น วันเดอร์ ซึ่งตรงกันพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ กอล์ฟ สปา ชอปปิ้ง และ ชายทะเล
นอกจากนั้น เร็วๆ นี้ ยังเตรียมจัดแฟมทริป เชิญ สื่อมวลชน นักเขียน และ บริษัทนำเที่ยว จากประเทศดังกล่าว มาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวที่ประเทศไทย เนื่องจากตลาดแอฟริกาใต้ ยังมีความรู้เรื่องแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยไม่มากนัก แต่ผู้ที่เคยมาเที่ยวก็มีความชื่นชอบ เป็นผลให้นักท่องเที่ยวจากตลาดแอฟริกาใต้ เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละกว่า 10% โดยปี 2550 มีนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้เดินทางมาประเทศไทย 46,296 คน เติบโตจากปี 2549 ราว 6.5% มีวันพักเฉลี่ย 10.15 วัน ใช้จ่ายเงิน 4,711 บาทต่อคนต่อวัน
“ททท.หวังจะให้ไทยเป็นฮับของนักท่องเที่ยวตลาดแอฟริกา เพราะเขาอยู่ในซีกขั้วโลกใต้ ดังนั้น จึงจะโปรโมตให้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ก่อนที่จะต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป ซึ่งแอฟริกาเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อดี มีวันพักเฉลี่ยนาน ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของ ททท.ที่ต้องมองหาตลาดในรูปแบบนี้มากขึ้น เพราะตลาดใกล้อย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย มาเที่ยวบ่อย แต่พักเพียง 1-2 วันเท่านั้น ขณะที่ช่วงโลว์ซีซัน ห้องพักของโรงแรม จะว่าง จึงเพียงพอรองรับนักท่องเที่ยวได้”
นางพรศิริ กล่าวอีกว่า จากการไปโรดโชว์ครั้งนี้ ได้หารือกับสถานทูตไทยในแอฟริกาด้วย โดยในเดือนกันยายนศกนี้ ทางสถานทูตไทย จะจัดงาน ไทยเฟสติวัล เพื่อนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยและบริการต่างๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่ม บริษัทนำเที่ยว และนักบริหาร
อย่างไรก็ตาม ททท.ยังเพิ่มเติมแผนงานโรดโชว์ ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวในตลาดระยะใกล้ เช่น ในเดือนกันยายน จะออกโรดโชว์ 3-4 งาน ที่ประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ จีน เพราะต้องการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวในตลาดระยะใกล้ เข้ามาทดแทน ตลาดระยะไกล ที่อาจหดหายไปบ้าง เพราะภาวะทางเศรษฐกิจ และปัญหาราคาน้ำมันแพง โดย ททท.ยังคงไม่ปรับลดเป้าหมายรายได้จากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศถึงสิ้นปีที่จะต้องได้ 6 แสนล้านบาท และตลาดในประเทศตั้งไว้ที่ 4.2 แสนล้านบาท
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุก บุกตลาดรองที่มีศักยภาพสูง เพื่อจะได้ขึ้นเป็นตลาดหลักในอนาคต รวมถึงเร่งเพิ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในช่วงโลว์ซีซันของประเทศไทย โดยเฉพาะในตลาดที่มีวันพักเฉลี่ยนาน แหล่งท่องเที่ยวที่นำเสนอ เช่น ภูเก็ต กระบี่ สมุย (จ.สุราษฎร์ธานี) และเชียงใหม่ เป็นต้น
ล่าสุด ได้นำภาคเอกชน อาทิ บริษัท นำเที่ยว และโรงแรม เดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่หลากหลาย เน้นจับตลาดไฮเอนด์ ทั้งกลุ่มคนผิวขาว และกลุ่มคนผิวดำที่ฐานะดี หรือ แบล็ก ไดมอนด์ สินค้าทางการท่องเที่ยวที่ ททท.นำไปเสนอขาย อยู่ในกลุ่ม เซเว่น วันเดอร์ ซึ่งตรงกันพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ กอล์ฟ สปา ชอปปิ้ง และ ชายทะเล
นอกจากนั้น เร็วๆ นี้ ยังเตรียมจัดแฟมทริป เชิญ สื่อมวลชน นักเขียน และ บริษัทนำเที่ยว จากประเทศดังกล่าว มาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวที่ประเทศไทย เนื่องจากตลาดแอฟริกาใต้ ยังมีความรู้เรื่องแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยไม่มากนัก แต่ผู้ที่เคยมาเที่ยวก็มีความชื่นชอบ เป็นผลให้นักท่องเที่ยวจากตลาดแอฟริกาใต้ เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละกว่า 10% โดยปี 2550 มีนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้เดินทางมาประเทศไทย 46,296 คน เติบโตจากปี 2549 ราว 6.5% มีวันพักเฉลี่ย 10.15 วัน ใช้จ่ายเงิน 4,711 บาทต่อคนต่อวัน
“ททท.หวังจะให้ไทยเป็นฮับของนักท่องเที่ยวตลาดแอฟริกา เพราะเขาอยู่ในซีกขั้วโลกใต้ ดังนั้น จึงจะโปรโมตให้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ก่อนที่จะต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป ซึ่งแอฟริกาเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อดี มีวันพักเฉลี่ยนาน ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของ ททท.ที่ต้องมองหาตลาดในรูปแบบนี้มากขึ้น เพราะตลาดใกล้อย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย มาเที่ยวบ่อย แต่พักเพียง 1-2 วันเท่านั้น ขณะที่ช่วงโลว์ซีซัน ห้องพักของโรงแรม จะว่าง จึงเพียงพอรองรับนักท่องเที่ยวได้”
นางพรศิริ กล่าวอีกว่า จากการไปโรดโชว์ครั้งนี้ ได้หารือกับสถานทูตไทยในแอฟริกาด้วย โดยในเดือนกันยายนศกนี้ ทางสถานทูตไทย จะจัดงาน ไทยเฟสติวัล เพื่อนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยและบริการต่างๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่ม บริษัทนำเที่ยว และนักบริหาร
อย่างไรก็ตาม ททท.ยังเพิ่มเติมแผนงานโรดโชว์ ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวในตลาดระยะใกล้ เช่น ในเดือนกันยายน จะออกโรดโชว์ 3-4 งาน ที่ประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ จีน เพราะต้องการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวในตลาดระยะใกล้ เข้ามาทดแทน ตลาดระยะไกล ที่อาจหดหายไปบ้าง เพราะภาวะทางเศรษฐกิจ และปัญหาราคาน้ำมันแพง โดย ททท.ยังคงไม่ปรับลดเป้าหมายรายได้จากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศถึงสิ้นปีที่จะต้องได้ 6 แสนล้านบาท และตลาดในประเทศตั้งไว้ที่ 4.2 แสนล้านบาท