"กรีนสแปน" เตือนเศรษฐกิจสหรัฐใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ คาดการณ์ "เฟด" ยังไม่กล้าวขยับมาตรการดอกเบี้ย โดยเชื่อว่าที่ประชุมฯ จะมีมติให้ตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 2% เพราะต้องรักษาความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่นักวิเคราะห์บางสำนักเชื่อ "เฟด" เตรียมจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเป็น 3% ภายในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในภาวะจวนเจียน และใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
ทั้งนี้ นายกรีนสแปนกล่าวในการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่เชื่อมต่อกับการประชุมด้านการลงทุนในนครโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้นมีมากกว่า 50 % แล้ว และไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น
ต่อข้อซักถามที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะถดถอยหรือไม่นั้น นายกรีนสแปน กล่าวว่า สหรัฐจวนเจียนตกเข้าสู่ภาวะดังกล่าวแล้ว ขณะที่การฟื้นตัวขึ้นในขณะนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นแนวโน้มในระยะใกล้นี้
ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 24-25 มิ.ย.นี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ประเมินว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมคือ 2% เนื่องจากเป็นห่วงปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงถึง 4% จึงไม่กล้าลดดอกเบี้ย ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าขึ้นดอกเบี้ย เพราะเกรงจะกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะเปราะบางเกินกว่าจะทนทานต่อการขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางราคาบ้านที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ในขณะนี้จึงถือว่าเฟดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในการตัดสินใจ และคาดว่าในถ้อยแถลงที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน เฟดจะส่งสารในลักษณะที่ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์กหลายคนชี้ตรงกันว่า โดยปกติแล้วในช่วงฤดูเลือกตั้ง เฟดจะไม่นำตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ดังนั้น ในระหว่างที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนนี้ เฟดจะไม่มีนโยบายสำคัญออกมา และปกติก็มักจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม มีนักเศรษฐศาสตร์ส่วนน้อยกลับมองตรงกันข้าม โดยเห็นว่าเฟดเตรียมตัวที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนนี้ เพื่อเป็นการดักหน้าเงินเฟ้อ เพราะการใช้นโยบายการเงินหรือดอกเบี้ยต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผล ดังนั้น หากเฟดต้องการใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการควบคุมเงินเฟ้อก็จะต้องลงมือเร็วที่สุด
"เราเชื่อว่าเฟดใกล้จะใช้มาตรการขึ้นดอกเบี้ยแบบก้าวร้าวในระยะสั้น ที่จะสร้างความตกอกตกใจให้กับใครก็ตามที่เชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
นายไบรอัน เวสเบอร์รี่ นักวิเคราะห์แห่งเฟิร์สต์ ทรัสต์ พอร์ตโฟลิโอ กล่าว และว่า ภายในสิ้นปีนี้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจาก 2% เป็น 3% จากนั้นปรับขึ้นเป็น 5% ในปีหน้า
นับจากเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว เฟดปรับลดดอกเบี้ยไปมากถึง 3.25% จนเหลือ 2% ในปัจจุบันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างหนักจากปัญหาวิกฤตสินเชื่อบ้านที่ปล่อยกู้แก่ผู้มีเครดิตต่ำกว่ามาตรฐาน (ซับไพรม์)
ด้านมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ออกรายงานโดยชี้ว่า ตลาดบ้านยังคงทรุดลงอย่างต่อเนื่องชนิดมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เนื่องจากยอดขายบ้านสร้างใหม่และบ้านที่ยังค้างอยู่ในสต๊อคตกต่ำที่สุดนับจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนราคาบ้านก็ลดลง การผิดนัดชำระค่างวดบ้านก็สูงทำสถิติเป็นประวัติการณ์ หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย (recession)
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในภาวะจวนเจียน และใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
ทั้งนี้ นายกรีนสแปนกล่าวในการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่เชื่อมต่อกับการประชุมด้านการลงทุนในนครโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้นมีมากกว่า 50 % แล้ว และไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น
ต่อข้อซักถามที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะถดถอยหรือไม่นั้น นายกรีนสแปน กล่าวว่า สหรัฐจวนเจียนตกเข้าสู่ภาวะดังกล่าวแล้ว ขณะที่การฟื้นตัวขึ้นในขณะนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นแนวโน้มในระยะใกล้นี้
ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 24-25 มิ.ย.นี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ประเมินว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมคือ 2% เนื่องจากเป็นห่วงปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงถึง 4% จึงไม่กล้าลดดอกเบี้ย ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าขึ้นดอกเบี้ย เพราะเกรงจะกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะเปราะบางเกินกว่าจะทนทานต่อการขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางราคาบ้านที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ในขณะนี้จึงถือว่าเฟดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในการตัดสินใจ และคาดว่าในถ้อยแถลงที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน เฟดจะส่งสารในลักษณะที่ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์กหลายคนชี้ตรงกันว่า โดยปกติแล้วในช่วงฤดูเลือกตั้ง เฟดจะไม่นำตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ดังนั้น ในระหว่างที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนนี้ เฟดจะไม่มีนโยบายสำคัญออกมา และปกติก็มักจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม มีนักเศรษฐศาสตร์ส่วนน้อยกลับมองตรงกันข้าม โดยเห็นว่าเฟดเตรียมตัวที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนนี้ เพื่อเป็นการดักหน้าเงินเฟ้อ เพราะการใช้นโยบายการเงินหรือดอกเบี้ยต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผล ดังนั้น หากเฟดต้องการใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการควบคุมเงินเฟ้อก็จะต้องลงมือเร็วที่สุด
"เราเชื่อว่าเฟดใกล้จะใช้มาตรการขึ้นดอกเบี้ยแบบก้าวร้าวในระยะสั้น ที่จะสร้างความตกอกตกใจให้กับใครก็ตามที่เชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
นายไบรอัน เวสเบอร์รี่ นักวิเคราะห์แห่งเฟิร์สต์ ทรัสต์ พอร์ตโฟลิโอ กล่าว และว่า ภายในสิ้นปีนี้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจาก 2% เป็น 3% จากนั้นปรับขึ้นเป็น 5% ในปีหน้า
นับจากเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว เฟดปรับลดดอกเบี้ยไปมากถึง 3.25% จนเหลือ 2% ในปัจจุบันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างหนักจากปัญหาวิกฤตสินเชื่อบ้านที่ปล่อยกู้แก่ผู้มีเครดิตต่ำกว่ามาตรฐาน (ซับไพรม์)
ด้านมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ออกรายงานโดยชี้ว่า ตลาดบ้านยังคงทรุดลงอย่างต่อเนื่องชนิดมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เนื่องจากยอดขายบ้านสร้างใหม่และบ้านที่ยังค้างอยู่ในสต๊อคตกต่ำที่สุดนับจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนราคาบ้านก็ลดลง การผิดนัดชำระค่างวดบ้านก็สูงทำสถิติเป็นประวัติการณ์ หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย (recession)