บช.ก.ร่วมกับ ตร.ท่องเที่ยว จับแก๊งตำรวจปลอม อ้างตัวเป็นตำรวจใหญ่ในกองปราบ 3 ราย และเร่งตามล่าอีก 1 ที่ออกอาละวาดข่มขู่เหยื่อในสนามบินสุวรรณภูมิสูญทรัพย์กว่า 2 ล้าน หัวหมอทำทีเป็น ตร.กองปราบแล้วใช้กำลังบังคับยึดสัมภาระเดินทางของคนไทยที่มาจากแอฟริกาใต้ หลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในรถกลับพบวิทยุสื่อสารไม่มีใบอนุญาตพกพา พบบัตรราชการตำรวจปลอมเพียบ
วันนี้ (4 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชูชาติ สุวรรณาคม ผบก.ทท.และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายธนวัฒน์ หลวงเทา อายุ 48 ปี นายนพปฎล พ่วงนาคพันธ์ อายุ 43 ปี และ นายพัชรพล คุ้มพงษ์ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาที่อ้างตัวเป็นนายตำรวจระดับ รอง ผบก.อก.บช.ก.และตำรวจสังกัดกองปราบปรามปล้นทรัพย์ผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมของกลางบัตรข้าราชการตำรวจปลอม กระเป๋าใส่บัตรตรากองปราบปราม วิทยุสื่อสารและกล้องถ่ายรูป
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจท่องเที่ยวได้รับแจ้งจาก นายจำลอง แหลมทองไทย ว่า ได้เดินทางมาจากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ถูกคนร้ายจำนวน 4 คน แสดงตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามใช้กำลังบังคับขู่เข็ญยึดเอาสัมภาระเดินทางของนายจำลอง และเพื่อนจำนวน 4 ใบ ซึ่งมีทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาทไป ตำรวจจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสนามบินจนทราบรูปพรรณคนร้าย
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวอีกว่า จนกระทั่งวันที่ 3 เม.ย.ตำรวจได้รับแจ้งจาก นายจำลอง อีกว่า พบนายปฎล หนึ่งในกลุ่มคนร้าย บริเวณอาคารจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง ตำรวจท่องเที่ยวจึงส่งกำลังเข้าไปสอบสวน แต่ นายปฎล กับนำบัตรตำรวจกองปราบปรามปลอมมาแสดง จึงนำตัวไปตรวจค้นที่รถของ นายปฎล ก็พบบัตรข้าราชการตำรวจกองปราบอีกหลายใบ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นบัตรปลอมทั้งหมด และวิทยุสื่อสารซึ่งไม่มีใบอนุญาตพกพา จึงได้นำตัวมาสอบสวนจนสามารถขยายผลจนสามารถติดตามจับเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลือได้อีก 2 คน ส่วนอีก 1 คนทราบเพียงชื่อนายหวัด ไม่ทราบนามสกุล ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนถึงประชาชนที่เจอการข่มขู่ในลักษณะนี้ให้มาแจ้งตำรวจในเครื่องแบบตรวจสอบก่อนเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง
ทั้งนี้ ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และปลอมเอกสารราชการ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน กับผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ราชาเทวะ ดำเนินคดี ตามกฎหมาย
วันนี้ (4 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชูชาติ สุวรรณาคม ผบก.ทท.และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายธนวัฒน์ หลวงเทา อายุ 48 ปี นายนพปฎล พ่วงนาคพันธ์ อายุ 43 ปี และ นายพัชรพล คุ้มพงษ์ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาที่อ้างตัวเป็นนายตำรวจระดับ รอง ผบก.อก.บช.ก.และตำรวจสังกัดกองปราบปรามปล้นทรัพย์ผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมของกลางบัตรข้าราชการตำรวจปลอม กระเป๋าใส่บัตรตรากองปราบปราม วิทยุสื่อสารและกล้องถ่ายรูป
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจท่องเที่ยวได้รับแจ้งจาก นายจำลอง แหลมทองไทย ว่า ได้เดินทางมาจากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ถูกคนร้ายจำนวน 4 คน แสดงตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามใช้กำลังบังคับขู่เข็ญยึดเอาสัมภาระเดินทางของนายจำลอง และเพื่อนจำนวน 4 ใบ ซึ่งมีทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาทไป ตำรวจจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสนามบินจนทราบรูปพรรณคนร้าย
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวอีกว่า จนกระทั่งวันที่ 3 เม.ย.ตำรวจได้รับแจ้งจาก นายจำลอง อีกว่า พบนายปฎล หนึ่งในกลุ่มคนร้าย บริเวณอาคารจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง ตำรวจท่องเที่ยวจึงส่งกำลังเข้าไปสอบสวน แต่ นายปฎล กับนำบัตรตำรวจกองปราบปรามปลอมมาแสดง จึงนำตัวไปตรวจค้นที่รถของ นายปฎล ก็พบบัตรข้าราชการตำรวจกองปราบอีกหลายใบ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นบัตรปลอมทั้งหมด และวิทยุสื่อสารซึ่งไม่มีใบอนุญาตพกพา จึงได้นำตัวมาสอบสวนจนสามารถขยายผลจนสามารถติดตามจับเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลือได้อีก 2 คน ส่วนอีก 1 คนทราบเพียงชื่อนายหวัด ไม่ทราบนามสกุล ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนถึงประชาชนที่เจอการข่มขู่ในลักษณะนี้ให้มาแจ้งตำรวจในเครื่องแบบตรวจสอบก่อนเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง
ทั้งนี้ ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และปลอมเอกสารราชการ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน กับผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ราชาเทวะ ดำเนินคดี ตามกฎหมาย
