"กรณ์" ชำแหละ "เลี้ยบ" เปิดช่อง ปตท.สูบกำไรแสนล.บนหลังประชาชน

"กรณ์" ชี้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ล้มเหลวไม่เป็นท่า หัวหน้ารัฐบาล-เจ้ากระทรวง รู้ไม่เท่าทันปัญหา เพราะอ่อนด้อยประสบการณ์ มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง พร้อมชี้ต้นตอปัญหาวิกฤตราคาน้ำมัน ค่าครองชีพสูง เพราะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เปิดช่อง ปตท.ฟันส่วนต่างน้ำมัน-ก๊าซ หลายแสนล้าน แต่ผลักภาระให้ประชาชนทั้งประเทศ ต้องจ่ายซื้อในราคาแพง ซ้ำเติมปัญหาภาวะค่าครองชีพ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกรณ์ จาติกวณิช อภิปราย 

วันนี้ (25 มิ.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปตย์(ปชป.) เริ่มเปิดฉากอภิปรายซักฟอกทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยระบุถึงนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากรัฐบาลยังคงใช้นโยบายเดิมๆ เพราะรัฐมนตรีคลัง (นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ และยังมีปัญหาทับซ้อนเรื่องผลประโยชน์ ขณะที่ปัญหาทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ได้แก่ วิกฤติจากตลาดเงินสหรัฐ , วิกฤติด้านพลังงาน และวิกฤตด้านอาหาร

"ช่วงที่ผ่านมานโยบายที่นำมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ประสบความสำเร็จ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังเป็นนโยบายที่ยังมีการนำใช้อยู่ในปัจจุบัน"

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า รมว.คลัง ไม่ได้เรียนรู้ถึงสาเหตุของปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนทั้งประเทศกำลังเผชิญอยู่ และแสดงความจริงใจว่า นโยบายที่นำออกมาใช้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง อีกทั้งตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ยังมีพฤติกรรมที่เอื้อและปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้อง

"ในฐานะรัฐมนตรีคลังที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในรัฐวิสาหกิจ ท่านมีหน้าที่ดูแลให้นักการเมืองไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดให้เข้าไปมีบทบาทในรัฐวิสาหกิจน้อยที่สุด" นายกรณ์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า

นอกจากนี้ ประชาชนและนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นและสับสนต่อนโยบายรัฐบาล เช่น การส่งเสริมการใช้และผลิตพลังงานทดแทน , ราคาสินค้าเกษตรในประเทศที่สวนทางกับตลาดโลก เป็นต้น ขณะที่รัฐบาลยังไม่มีแผนงานที่ชัดเจนในการพัฒนาด้านต่างๆ ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลทุกวันนี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่มีแผนงานหรือมาตรการที่จะไว้รองรับล่วงหน้า

"ผมไม่แปลกใจเพราะแนวคิดในเชิงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลท่านยังอยู่อีหรอบเดิมกับนโยบายที่เคยใช้สมัยรัฐบาลไทยรักไทย" นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รมว.คลัง ยังมีพฤติกรรมสนับสนุนการมีอำนาจเหนือตลาดของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ค้ากำไรเกินควร โดยไม่รับผิดชอบต่อประชาชน แต่กลับปกป้องผลประโยชน์ของ ปตท. ซึ่งรัฐบาลไทยรักไทยเป็นผู้นำปตท.เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีกำไรในระดับแสนล้านบาท แต่กลับปันผลเพียง 30% ของกำไร ไม่พยายามให้ปตท.ปันผลเพิ่มขึ้นเพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ

"การมีกำไรสูงสุดของ ปตท.มาจากธุรกิจผูกขาด แต่ภาระปัญหากลับตกอยู่ที่ประชาชน ซึ่งต้องจ่ายค่าไฟ ค้าน้ำ และเติมน้ำมันราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะการเก็บภาษีสรรสามิตร ซึ่งกำหนดให้เอื้อต่อผู้ประกอบการและผลักภาระไปที่ประชาชน เป็นคนแบกค่าใช้จ่าย"

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่มีการใช้ตำแหน่งเอื้อต่อกลุ่มทุนการเมืองเก่า โยงใยผลประโยชน์ในตลาดหุ้น รมว.คลังในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ท่านกลับไม่มีการดูแลติดตามคดีและความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นเหตุให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ เกิดความไม่มั่นใจในหลักธรรมมาภิบาล ดังนี้ ผมจึงไม่สามารถไว้วางใจ รมว.คลังได้