หุ้นภาคเช้าปิดบวก 1.92% ขานรับ “อภิสิทธิ์” นั่งนายกฯ คนที่ 27 ตามคาด โบรกฯ เผยดัชนีแกว่งผันผวนตลอดชั่วโมงการซื้อขาย มองปัญหาการเมืองยังไม่นิ่ง แม้ว่า “อภิสิทธิ์” จะเป็นนายกฯ ตามระบอบประชาธิปไตย หวั่นคนเสื้อแดงไม่ยอมรับความจริง ก่อเหตุป่วนไม่เลิก แนะรัฐบาลเร่งสร้างเสถียรภาพ เพื่อเดินหน้าฟื้นความเชื่อมั่น นักลงทุนจับตานโยบายชุดใหม่
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (15 ธันวาคม 2551) ดัชนีปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 432.93 จุด เพิ่มขึ้น 8.14 จุด เปลี่ยนแปลง +1.92% มูลค่าการซื้อขาย 10,500.32 ล้านบาท ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตลอดชั่วโมงการซื้อขาย นักลงทุนบางส่วนขายทำกำไร เพราะเชื่อว่าการเมืองยังไม่นิ่ง เพราะฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยอมรับประชาธิปไตย ตามที่กล่าวอ้างและเรียกร้องมาโดยตลอด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสาเหตุที่ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน แม้ผลโหวตจะได้นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตย (ปชป.) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 เนื่องจากนักลงทุนที่ติดตามข่าวมองว่า การเมืองยังไม่มีเสถียรภาพ เพราะมีภาพข่าวกลุ่มคนเสื้อแดงไปปิดประตูรัฐสภา และมีการแสดงอารณ์ที่รุนแรงทำลายข้าวของพร้อมตะโกนด่าทอที่หยาบคาย ทำให้หุ้นย่อตัวลงมา และภาพรวมอาจผันผวนตามแรงขาย
“ถ้าเหตุการณ์ที่กำลังวุ่นวายในวันนี้ ไม่ยื้ดเยื้อ ก็น่าจะตอบรับเชิงบวก แต่ก็ยังมองว่า เป็นการ sell on fact อยู่ดี แนวต้านจริงมี 2 ระดับที่ 432 และ 440 ซึ่งเป็นบริเวณที่หนาแน่น”
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไม่ได้มีการตอบรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เนื่องจากมองว่า นับจากนี้ไปจะต้องระวังปัญหาในเรื่องของความแตกแยกที่จะมีสูงขึ้น ซึ่งก็เริ่มเห็นภาพกันบ้างแล้ว และนายกคนใหม่จะต้องเผชิญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองที่จะมีขึ้น โดยก่อนหน้านี้พรรคพลังประชาชนก็เจอมาแล้ว เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็น่าจะเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจยังไม่เดินหน้าไปไหน
ขณะที่ นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ จำกัด แนะให้จับตาเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งคงต่องดูว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน ตลาดหุ้นคงจะดูอยู่ ประกอบกับนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งต้องประเมินกันว่า มีประสิทธิภาพที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
“เบื้องต้นเท่าทีมองเห็นตอนนี้ คงจะเน้นนโยบายการคลังที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เพราะตอนนี้เป็นวิธีเดียวที่ทำได้แล้ว และเป็นวิธีที่ทั่วโลกใช้กันอยู่ ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เริ่มลดดอกเบี้ยมากแล้ว ถ้ามีการวางแผนและดำเนินการณ์ที่ดี ก็สามารถจะประคับประคองให้เดินหน้าไปได้”
ช่วงสั้นตลาดหุ้นตอบรับในทางที่ดี ตลาดต่างประเทศ ภาพรวมก็ดูดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หัวใจสำคัญที่สุด คือ นโยบายเศรษฐกิจว่าตอนนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหญ่ ในครั้งนี้ จะเป็นอย่างไร เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยเศรษฐกิจติดลบแน่นอน ดังนั้น ต้องดูว่ามาตรการการคลังทั้งหลายที่จะออกมาจะเป็นอย่างไรจะกระตุ้นได้มากน้อยแค่ไหน
สิ่งที่เป็นห่วงที่สุด คือ เสถียรภาพทางการเมือง เพราะรัฐบาลชุดนี้คงเป็นรัฐบาลผสมที่เยอะ ผสมกันหลายพรรค ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้แค่ไหน ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงจากต่างจังหวัด ทั้งเชียงใหม่ และอุดรธานี ประกาศเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อปิดล้อมรัฐสภา ในวันที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่แถลงนโยบาย อาจเป็นปัจจัยที่กดดันตลาด