xs
xsm
sm
md
lg

โรงสียิ้มแก้มปริ “เจ๊มิ่ง” สั่งแบงก์ปล่อยกู้ ดบ.ต่ำ แบ่งเค้กส่งออก 9 ล้านตัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โรงสียิ้มแก้มปริ “เจ๊มิ่ง” สั่งแบงก์ปล่อยกู้แล้ว โดยผ่อนปรนเงื่อนไขให้ดอกเบี้ยต่ำ หลังผู้ประกอบการร้องสาเหตุที่ไม่สามารถซื้อข้าวชาวนาได้ เพราะราคาสูง-ขาดสภาพคล่อง พ่วงการซื้อขายแบบจีทูจี แต่ยังอุบไต๋แบ่งเค้กออร์เดอร์ส่งออก 9 ล้านตัน

วันนี้ (23 พ.ค.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสมาคมโรงสีข้าวไทย โดยมีตัวแทนจากสถาบันการเงิน ประกอบด้วย ธนาคารการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย เข้าร่วมหารือด้วย โดยระบุว่า รัฐบาลได้มีการติดตามภาวะการรับซื้อข้าวจากชาวนาของโรงสี ซึ่งขณะนี้พบว่า โรงสีไม่ได้กดราคารับซื้อข้าวจากชาวนา แต่ที่มีการชะลอการรับซื้อ เพราะโรงสีขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากข้าวมีราคาสูง

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ประเด็นปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางโรงสีร้องเรียนมา รัฐบาลจึงหาทางออกด้วยการให้สถาบันการเงิน (ธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ) ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับโรงสีที่มีวินัยทางการเงินดี แต่จะเป็นจำนวนเท่าใดนั้นจะต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง โดยสถาบันการเงินยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่

“ข้อสรุปที่ได้วันนี้ คือ ธนาคาร 4 แห่ง ยินดีที่จะเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ให้กับโรงสีมากขึ้น 3 เท่า แต่ทั้งนี้ โรงสีจะต้องไม่ติดแบล็กลิสต์ ไม่เบี้ยวหนี้”

ทั้งนี้ รัฐบาลมีโครงการรับซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อแก้ปัญหาราคาตกต่ำ โดยกำหนดราคารับซื้อข้าวเปลือกเหนียวที่ตันละ 7-9 พันบาท และข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 14,000 บาท

“สำหรับการหารือในวันนี้ ตัวแทนโรงสีข้าว ยืนยันว่า โรงสีไม่มีความคิดที่จะกดราคาข้าวเปลือกจากชาวนา แต่โรงสีเผชิญปัญหาราคาข้าวแพงขึ้น 3 เท่าจึงต้องการหาแหล่งกู้ยืมเงินระยะยาว มาใช้ในการซื้อขายข้าว”

นอกจากนี้ หากผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ซึ่งมีอยู่ 4-5 ราย ไม่รับซื้อข้าวทางโรงสีก็จะไม่มีที่เก็บข้าว จึงต้องการให้มีการประสานงานในการระบายข้าวให้กับผู้ส่งออกรวมทั้งทางกลุ่มโรงสียืนยันว่า ยินดีที่จะเป็นเครื่องมือให้กับรัฐบาลหากรัฐบาลต้องการขายข้าวกับต่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐ

นายมิ่งขวัญ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในส่วนการขายข้าวให้กับผู้ส่งออก รัฐบาลจะเป็นผู้ประสานงานให้โดยจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับออเดอร์ข้าวในต่างประเทศหารือกันในรายละเอียดโดยด่วน

นายมิ่งขวัญ ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ รัฐบาลได้รับการติดต่อขอซื้อข้าวไทยแล้วกว่า 10 ประเทศ โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมคำสั่งซื้อและเจรจารายละเอียด ซึ่งส่วนใหญ่ขอเจรจาซื้อข้าวในแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

“ตอนนี้บอกได้แต่ชื่อประเทศ แต่ปริมาณที่จะขอซื้อจากเรานั้นยังบอกไม่ได้ เพราะต้องไปดูคำสั่งซื้อทั้งหมด และการจัดสรรโควตาก่อน รวมทั้งเชื่อว่าการที่รัฐส่งออกข้าวเองไม่น่ากระทบต่อภาคเอกชนที่ส่งออกข้าว เพราะมีผลผลิตข้าวเป็นจำนวนมาก” นายมิ่งขวัญ กล่าวและเพิ่มเติมว่า

สำหรับประเทศที่ติดต่อขอซื้อข้าวของไทย ประกอบด้วย มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, ติมอร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บาห์เรน, กาตาร์, โอมาน, ซาอุดีอาระเบีย, คูเวต และกลุ่มประเทศในแอฟริกาใต้

“เราไม่ต้องการทำทั้งหมด เราอยากทำแค่บางส่วน เราไม่อยากแบกภาระโลกทั้งโลกไว้เป็นของเราคนเดียวหากเรารับออเดอร์มาอย่างนี้ โรงสีขายได้ เราก็ขาย ซึ่งการขายจะยุติธรรม โปร่งใส และเป็นธรรมแน่นอน” นายมิ่งขวัญ กล่าวและเสริมว่า

สำหรับการขายแบบรัฐต่อรัฐ จะมี 2 แบบ คือ การขายให้ในราคาปกติตามราคาตลาดโลก และการขายแบบช่วยเหลือในราคาพิเศษ

ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่ในไตรมาสแรกปีนี้การส่งออกข้าวของไทยเพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อน มาที่ 3.29 ล้านตัน โดยไทยยังยึดมั่นนโยบายไม่ควบคุมการส่งออกข้าวขณะที่ความต้องการทั่วโลกเพิ่มขึ้น หลังไทยส่งออกข้าว 9.55 ล้านตันในปี 50 ซึ่งคิดเป็น 31.4% ของปริมาณทั้งหมดทั่วโลก ขณะที่นายมิ่งขวัญเคยคาดเมื่อเดือนที่แล้วว่า ไทยอาจจะส่งออกข้าวได้มากกว่า 9 ล้านตันในปีนี้ เพราะผลผลิตข้าวจะออกมามากขึ้นในครึ่งหลังของปี

สำหรับราคาข้าวล่าสุด กลุ่มผู้ส่งออกกล่าวว่า ราคาข้าวขาว 100% เกรด B ของไทยดีดตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ โดยมีการกำหนดราคาที่ 1,030-1,050 ดอลลาร์/ตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,000 ดอลลาร์/ตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยราคาได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,080 ดอลลาร์/ตันในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ นายมิ่งขวัญ เคยออกมาระบุว่า มียอดสั่งซื้อข้าวจาก 16 ประเทศ จำนวน 6.7 ล้านตัน โดยไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม

**โรงสีเผย "เจ๊มิ่ง" เปิดช่องจีทูจี เล่นงานผู้ส่งออก

แหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทย ระบุว่า การที่รัฐบาลจะจัดสรรออร์เดอร์ข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ส่วนหนึ่งให้โรงสีนั้น จะเพิ่มช่องทางให้โรงสีได้ระบายข้าวสารในสต๊อก เพราะขณะนี้โรงสีถูกผู้ส่งออกกดราคารับซื้อข้าวสารอย่างหนัก จนราคาข้าวขาว 5% ปัจจุบันเหลือตันละ 24,000 บาท จากสัปดาห์ก่อนที่ตันละ 27,000 บาท

ทั้งนี้โรงสีไม่สามารถจะปฏิเสธการขายได้เพราะขาดสภาพคล่อง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาใช้เงินจำนวนมากซื้อข้าวจากชาวนาเข้าสต๊อก จึงจำเป็นต้องขายแข่งกัน ทั้งที่ราคาข้าวส่งออกไม่ได้ปรับลดลง โดยข้าวขาว 5% ขณะนี้ราคาส่งออกตันละ 1,030 ดอลลาร์สหรัฐ

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า ตลาดข้าวเป็นการค้าเสรี ราคาจึงขึ้นกับปริมาณผลผลิต และความต้องการ ซึ่งช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา โรงสีขายข้าวให้ผู้ส่งออกในราคาสูง แต่เมื่อคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลดลง ราคาซื้อขายข้าวกับโรงสีก็ลดลงตามไปด้วย

นอกจากนี้ โรงสีมีข้าวในสต๊อกจำนวนมากและต้องการปล่อยข้าวออกมา ยิ่งทำให้ราคาซื้อขายข้าวลดลงไปอีก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของกลไกตลาด

"ผมไม่อยากตอบโต้ เพราะการค้าข้าวเป็นตลาดเสรีทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาด จะไปกดราคากันได้อย่างไร ถ้าความต้องการมาก แต่ผลผลิตน้อย ราคาก็แพง แต่ในทางกลับกัน หากผลผลิตมาก ความต้องการน้อย ราคาก็ต้องลดลงมาเป็นธรรมดา" นายชูเกียรติ กล่าว

ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะจัดสรรออร์เดอร์ส่งออกข้าวแบบจีทูจีให้โรงสีนั้น เข้าใจว่า ขณะนี้โรงสีมีข้าวในมือมาก ต้องการหาที่ระบายออก จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องจัดสรรให้เหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น