สัญญาข้าวล่วงหน้าส่งมอบเดือน ก.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 5 % ในการซื้อขายผ่านระบบอิเล็คทรอนิคที่ตลาดเอเชีย วันนี้ หลังแนวโน้มผลผลิตที่ลดลงจากพม่าซึ่งถูกพายุไซโคลนนาร์กิสพัดถล่มอย่างหนัก และคำสั่งซื้อข้าวที่มากเกินคาดจากมาเลเซีย ทำให้เกิดความวิตกเรื่องอุปทาน
ราคาข้าวสหรัฐปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 25.07 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ขณะที่ราคาข้าวเอเชียทรงตัวเนื่องจากแนวโน้มผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไทย
ขณะที่ราคาข้าวสหรัฐเริ่มปรับตัวขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้ เนื่องจากคาดว่าพม่าจะกลายเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าข้าวสุทธิในปีนี้ โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ข้าวหลายพันตันที่เก็บไว้ในคลังสินค้าได้สูญหายไป และไร่นาหลายพันเอเคอร์ในพม่าก็ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้
ทั้งนี้ พบว่าสัญญาข้าวส่งมอบเดือน ก.ค.พุ่งขึ้น 4.9 % หรือ 1.1 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 23.45 ดอลลาร์/ซีดับบลิวที (100 ปอนด์ หรือ 45.36 กก.) โดยพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันแล้ว ขณะที่สัญญาข้าวส่งมอบเดือน ก.ย.ดีดตัวขึ้น 4.0 % หรือ 81.5 เซนต์ มาที่ 21.165 ดอลลาร์
เทรดเดอร์ข้าวในกรุงโซล เกาหลีใต้ กล่าวว่า ความวิตกเรื่องอุปทานมีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากพายุไซโคลนในพม่า และคาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อไป และอาจทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไม่ช้านี้
โดยราคาข้าวเอเชียพุ่งขึ้น 3 เท่าทะลุระดับ 1,000 ดอลลาร์/ตันแล้วในปีนี้ และราคาข้าวสหรัฐก็ทะยานขึ้นเกือบ 2 เท่าด้วย ขณะที่การจำกัดการส่งออกของประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงเกี่ยวกับอุปทานอาหารในช่วงเวลาที่สต็อกทั่วโลกลดลงถึงครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2001
กรณีที่มาเลเซียซื้อข้าวไทยจำนวน 500,000 ตัน เมื่อวานนี้ ซึ่งเทรดเดอร์ระบุว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อต้องการซื้อข้าวจำนวนมากในช่วงที่สต็อกข้าวทั่วโลกลดลง และความต้องการข้าวมีมากขึ้น
ด้านเม็กซิโกเปิดเผยว่า จะอนุญาตให้นำเข้าข้าว 250,000 ตันได้โดยไม่ต้องเสียภาษีเพื่อปกป้องชาวเม็กซิกันจากราคาที่พุ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้เม็กซิโกเก็บภาษีการนำเข้าข้าวทุกประเภทในอัตรา 20 %
ขณะที่ประเทศไทยคาดว่าจะส่งออกข้าวเกิน 9 ล้านตันในปีนี้ ขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังการจำกัดการส่งออกของประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดียและเวียดนาม เพื่อรับประกันผลผลิตในประเทศ
ราคาข้าวสหรัฐปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 25.07 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ขณะที่ราคาข้าวเอเชียทรงตัวเนื่องจากแนวโน้มผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไทย
ขณะที่ราคาข้าวสหรัฐเริ่มปรับตัวขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้ เนื่องจากคาดว่าพม่าจะกลายเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าข้าวสุทธิในปีนี้ โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ข้าวหลายพันตันที่เก็บไว้ในคลังสินค้าได้สูญหายไป และไร่นาหลายพันเอเคอร์ในพม่าก็ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้
ทั้งนี้ พบว่าสัญญาข้าวส่งมอบเดือน ก.ค.พุ่งขึ้น 4.9 % หรือ 1.1 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 23.45 ดอลลาร์/ซีดับบลิวที (100 ปอนด์ หรือ 45.36 กก.) โดยพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันแล้ว ขณะที่สัญญาข้าวส่งมอบเดือน ก.ย.ดีดตัวขึ้น 4.0 % หรือ 81.5 เซนต์ มาที่ 21.165 ดอลลาร์
เทรดเดอร์ข้าวในกรุงโซล เกาหลีใต้ กล่าวว่า ความวิตกเรื่องอุปทานมีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากพายุไซโคลนในพม่า และคาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อไป และอาจทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไม่ช้านี้
โดยราคาข้าวเอเชียพุ่งขึ้น 3 เท่าทะลุระดับ 1,000 ดอลลาร์/ตันแล้วในปีนี้ และราคาข้าวสหรัฐก็ทะยานขึ้นเกือบ 2 เท่าด้วย ขณะที่การจำกัดการส่งออกของประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงเกี่ยวกับอุปทานอาหารในช่วงเวลาที่สต็อกทั่วโลกลดลงถึงครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2001
กรณีที่มาเลเซียซื้อข้าวไทยจำนวน 500,000 ตัน เมื่อวานนี้ ซึ่งเทรดเดอร์ระบุว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อต้องการซื้อข้าวจำนวนมากในช่วงที่สต็อกข้าวทั่วโลกลดลง และความต้องการข้าวมีมากขึ้น
ด้านเม็กซิโกเปิดเผยว่า จะอนุญาตให้นำเข้าข้าว 250,000 ตันได้โดยไม่ต้องเสียภาษีเพื่อปกป้องชาวเม็กซิกันจากราคาที่พุ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้เม็กซิโกเก็บภาษีการนำเข้าข้าวทุกประเภทในอัตรา 20 %
ขณะที่ประเทศไทยคาดว่าจะส่งออกข้าวเกิน 9 ล้านตันในปีนี้ ขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังการจำกัดการส่งออกของประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดียและเวียดนาม เพื่อรับประกันผลผลิตในประเทศ
