ผู้จัดการรายวัน - เครือข่ายหนี้สินชาวนาฯ ก่นวงจรอุบาทว์ แฉสูตรโรงสี พ่อค้าคนกลาง ผู้ส่งออก ฟันกำไร กดซื้อข้าวเปลือก โก่งราคาข้าวสาร เตรียมรวมสต็อกข้าวขายตรงผู้บริโภค
นายชรินทร์ ดวงดารา ที่ปรึกษาเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีโรงสีกดราคาซื้อข้าวจากชาวนาเหลือเพียงตันละ 6,000 กว่าบาทว่า เป็นกระบวนการขูดรีดชาวนาที่เรียกได้ว่าเป็นปกติ เพราะราคารับซื้อข้าวขึ้นอยู่กับโรงสี เขาจะให้เท่าไหร่ก็ได้ กลุ่มซวยที่สุดมาโดยตลอดคือ ชาวนาซึ่งถูกกดราคาต้องขายข้าวเปลือกในราคาถูก และผู้บริโภคที่ต้องซื้อข้าวสารในราคาแพง ส่วนกลุ่มซึ่งได้ประโยชน์มากที่สุด คือ โรงสี พ่อค้าคนกลาง และผู้ส่งออก โดยแบ่งสัดส่วนกำไรกันตามสูตร 30-30-40 ตามลำดับ
“ชาวนาถูกกดมาตลอด เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์น้อยมาก ยิ่งเมื่อคิดถึงต้นทุนการผลิต เช่นค่าปุ๋ยที่ขึ้นไปรอล่วงหน้าอยู่ก่อนถึงตันละ 2 หมื่นบาท ต่อให้ราคาข้าวในตลาดโลกดีกว่านี้ชาวนาก็แทบไม่ได้อะไร เพราะราคาข้าวโรงสี เป็นคนกำหนด ปัจจัยการผลิตก็ถูกควบคุมโดยกลุ่มทุนเกษตร” นายชรินทร์ กล่าว
ที่ปรึกษาเครือข่ายหนี้สินฯ กล่าวต่อว่า หนทางรอดของชาวนาคือต้องรวมตัวกันต่อรอง กดดันรัฐฯ ให้หันมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง รวมทั้งการหาหนทางตัดคนกลางที่มาเอาเปรียบชาวนา ซึ่งเวลานี้สมาชิกเครือข่ายหนี้สินฯ ทั่วประเทศที่สามารถปลดหนี้และชะลอการถูกทวงหนี้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) โดยกลไกรับซื้อหนี้คืนของกองทุนฟื้นฟูฯ กำลังเตรียมการรวมข้าวและสต็อกข้าวสำหรับผลผลิตข้าวนาปีและนาปรังที่จะออกมาในปลายปีนี้ เพื่อต่อรองราคากับโรงสี พ่อค้าคนกลาง และอีกด้านหนึ่งก็ขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ขณะนี้กำลังเริ่มดำเนินการที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งมีสมาชิกสนใจเข้าร่วมประมาณ 3,500 ครอบครัวแล้ว โดยเป้าหมายตั้งไว้ที่ 1.5 ล้านตัน คาดว่าจะสร้างแรงกระเพื่อมในระบบการผลิตและการค้าข้าวได้
นายชรินทร์ ดวงดารา ที่ปรึกษาเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีโรงสีกดราคาซื้อข้าวจากชาวนาเหลือเพียงตันละ 6,000 กว่าบาทว่า เป็นกระบวนการขูดรีดชาวนาที่เรียกได้ว่าเป็นปกติ เพราะราคารับซื้อข้าวขึ้นอยู่กับโรงสี เขาจะให้เท่าไหร่ก็ได้ กลุ่มซวยที่สุดมาโดยตลอดคือ ชาวนาซึ่งถูกกดราคาต้องขายข้าวเปลือกในราคาถูก และผู้บริโภคที่ต้องซื้อข้าวสารในราคาแพง ส่วนกลุ่มซึ่งได้ประโยชน์มากที่สุด คือ โรงสี พ่อค้าคนกลาง และผู้ส่งออก โดยแบ่งสัดส่วนกำไรกันตามสูตร 30-30-40 ตามลำดับ
“ชาวนาถูกกดมาตลอด เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์น้อยมาก ยิ่งเมื่อคิดถึงต้นทุนการผลิต เช่นค่าปุ๋ยที่ขึ้นไปรอล่วงหน้าอยู่ก่อนถึงตันละ 2 หมื่นบาท ต่อให้ราคาข้าวในตลาดโลกดีกว่านี้ชาวนาก็แทบไม่ได้อะไร เพราะราคาข้าวโรงสี เป็นคนกำหนด ปัจจัยการผลิตก็ถูกควบคุมโดยกลุ่มทุนเกษตร” นายชรินทร์ กล่าว
ที่ปรึกษาเครือข่ายหนี้สินฯ กล่าวต่อว่า หนทางรอดของชาวนาคือต้องรวมตัวกันต่อรอง กดดันรัฐฯ ให้หันมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง รวมทั้งการหาหนทางตัดคนกลางที่มาเอาเปรียบชาวนา ซึ่งเวลานี้สมาชิกเครือข่ายหนี้สินฯ ทั่วประเทศที่สามารถปลดหนี้และชะลอการถูกทวงหนี้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) โดยกลไกรับซื้อหนี้คืนของกองทุนฟื้นฟูฯ กำลังเตรียมการรวมข้าวและสต็อกข้าวสำหรับผลผลิตข้าวนาปีและนาปรังที่จะออกมาในปลายปีนี้ เพื่อต่อรองราคากับโรงสี พ่อค้าคนกลาง และอีกด้านหนึ่งก็ขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ขณะนี้กำลังเริ่มดำเนินการที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งมีสมาชิกสนใจเข้าร่วมประมาณ 3,500 ครอบครัวแล้ว โดยเป้าหมายตั้งไว้ที่ 1.5 ล้านตัน คาดว่าจะสร้างแรงกระเพื่อมในระบบการผลิตและการค้าข้าวได้