รมว.พาณิชย์ เตรียมหารือกับอินเดีย และเวียดนาม ชวนเป็นพันธมิตรกำหนดราคาข้าวในตลาดโลก แจงเหตุไม่เอาข้าวในสต็อกรัฐมาใส่ถุงขาย อ้างเก็บสำรองให้คนไทยมีข้าวกินในฤดูกาลหน้า
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวหน้าสี่
วานนี้ (7 เม.ย.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ในรายการ ข่าวหน้าสี่ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เกี่ยวกับนโยบายการบริหารจัดการตลาดข้าวในประเทศว่า ในโอกาสที่ รมว.พาณิชย์อินเดียจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยวันที่ 27 เม.ย.นี้ ทางกระทรวงพาณิชย์จะเสนอแนวคิดการเป็นผู้กำหนดราคาข้าวในตลาดโลกเช่นเดียวกับที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันหรือโอเปกเป็นผู้กำหนดราคาน้ำมันตลาดโลก และหากอินเดียเห็นด้วยก็จะเดินทางไปหารือกับ รมว.พาณิชย์เวียดนามด้วย เพราะเห็นว่าปัจจุบันไทย อินเดีย และเวียดนาม ถือเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันกว่า 60% ซึ่งหากมีการร่วมมือกัน ก็จะส่งผลดีกับทั้ง 3 ประเทศ
นอกจากนี้ นายมิ่งขวัญยังกล่าวถึงกรณีที่เคยออกมาให้ข่าวว่า ราคาข้าวจะสูงขึ้นถึงตันละ 30,000 บาท จนเกิดการกักตุนข้าว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทำให้ตลาดราคาข้าวปั่นป่วนนั้น สาเหตุที่ตนตัดสินใจบอกแนวโน้มราคาเพราะ “ผมคิดว่าทุกวันนี้ทุกคนควรรู้ข้อมูลเท่าเทียมกัน ทั้งชาวนา ประชาชนที่กินข้าว และพ่อค้าคนกลาง หรืออยากได้รัฐมนตรีประเภทเก็บเงียบ ที่ผมต้องบอกเพราะต้องการให้ชาวนามีการเก็บข้าวนาปรัง ที่อีก 3 เดือนจะออกมา หากผมไม่บอก ชาวนาก็จะไม่รู้ราคาตลาดว่าควรจะขายได้ราคาเท่าไหร่ แต่พอบอกไปอำนาจต่อรองสูงสุดตอนนี้ก็อยู่ในมือชาวนาแล้ว” นายมิ่งขวัญกล่าว
ส่วนกระแสความกังวลว่าหากมีการส่งออกข้าวเป็นจำนวนมาก การบริโภคข้าวจะขาดแคลนหรือไม่นั้น นายมิ่งขวัญยืนยันว่า ไม่ว่าอย่างไรคนไทยก็จะไม่อดข้าว ส่วนข้าวที่อยู่ในสต็อกของรัฐ 2.1 ล้านตัน ที่ตอนแรกบอกว่าจะนำออกมาบรรจุถุงขายให้ผู้บริโภคในราคาถูกนั้น ตอนนี้ทางรัฐจะระงับการนำออกมาขายไว้ก่อน เนื่องจากเมื่อทุกหน่วยงานมีการประชุมหารือกันแล้วเห็นว่า ควรเก็บข้าวดังกล่าวเอาไว้ก่อน เพราะเราไม่อาจแน่ใจได้ว่าหากนำข้าวออกมาขายแล้ว ผลผลิตในฤดูกาลหน้าไม่ดี แล้วเราไม่มีสต็อกข้าวเก็บเอาไว้ ผู้บริโภคในประเทศจะได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ภาครัฐจึงเก็บเอาไว้ก่อนเพื่อเป็นการประกันความมั่นคงของประเทศ แต่รับรองว่าจะไม่เอาไปไหน อย่างไรข้าวดังกล่าวก็ยังเป็นของประชาชนทุกคน