ส.ท่องเที่ยวจันทบุรี แขวะรัฐไม่จริงใจช่วยธุรกิจท่องเที่ยวทางน้ำ หลังจากปีก่อนเซ็น MOU กับเวียดนาม เดินหน้าธุรกิจเรือไฮโดรฟลอย แต่ฝ่ายไทยกลับเงียบเฉย ปล่อยให้เวียดนามลอยเรืออยู่ลำเดียว เชื่อหากตั้งใจทำจริง จะขยายตลาดนักท่องเที่ยวจากเวียดนามได้จำนวนมาก เผยปัจจุบันต่างชาติกลุ่ม รัสเซีย สแกนดิเนเวีย เริ่มเดินทางเข้ามาพักเพิ่มขึ้น เป็นผลภาคเอกชนท้องถิ่นเริ่มใสใจลงทุนผุดบูติกรีสอร์ทรับมือ
นางสาววณิชชา วัฒนพงษ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ต้องการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำระหว่างประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม ทั้งนี้ เพราะด้วยภูมิศาสตร์ประเทศที่ใกล้กัน และอยู่ติดทะเลเหมือนกัน จึงน่าจะให้การเดินทางโดยเรือโดยสารทางทะเล จะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจากเวียดนามเข้ามาประเทศไทยเติบโตขึ้น
ล่าสุด เมื่อเดือนตุลาคม 2550 จังหวัดจันทบุรีได้ลงบันทึกข้อตกลงร่วมกัน หรือ MOU กับเมืองเกียนยาง ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ในการที่จะส่งเสริมธุรกิจเรือไฮโดรฟลอย วิ่งระหว่าง 2 เมืองดังกล่าว ซึ่งไฮโดรฟลอย เป็นเรือนำเที่ยวรูปแบบคล้ายเรือสำราญ ปรับอากาศ 2 ชั้น จุนักท่องเที่ยวได้ครั้งละ 400-450 คน ปัจจุบันทางเมืองเกียนยาง มีเรือแบบนี้วิ่งให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเพื่อมายัง จ.จันทบุรี แล้ว 1 ลำ ขณะที่จาการเซ็น MOU ดังกล่าวข้างต้น ได้ระบุว่า ทั้ง 2 ประเทศ จะต้องมีเรือไฮโดรฟลอย คนละ 1 ลำ แต่ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีภาครัฐ และเอกชนรายใดเข้ามาลงทุน ทั้งที่ศักยภาพนักท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ดีมาก
นางสาววณิชชา กล่าวว่า จากข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า ภาครัฐยังไม่จริงจังที่จะส่งเสริมให้เกิดการเดินทางในเส้นทางนี้ ทั้งที่ภาคเอกชนในส่วนของโรงแรมที่พักมีความพร้อมแล้ว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองที่ล่าช้าและติดขัดปัญหาเยอะ อาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเบื่อหน่าย ทั้งที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนมีเงิน
ปัจจุบันสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาจังหวัดจันทบุรี มีประมาณ 5-10% โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่ไหลล้นมาจากพัทยา จากเมื่อ 3-4 ปีก่อน จันทบุรีจะเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยเกือบ 100% โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย สแกนดิเนเวีย ซึ่งจะพักนานวัน เพราะหนีอากาศหนาวเย็นมาพักที่อบอุ่น ส่งผลให้เกิดการลงทุนในกลุ่มรีสอร์ทสไตล์บูติกเพิ่มขึ้น แต่เป็นการลงทุนของผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งต่างจาก หัวหิน หรือประจวบฯ ที่จะเป็นการลงทุนของชาวต่างชาติ หรือเชนโรงแรมจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ จันทบุรี มีโรงแรมที่พักประมาณ 2 พันห้อง และยังมีการลงทุนสร้างใหม่ขึ้นมาอีกอย่างต่อเนื่อง แต่จะเน้นโรงแรมบูติคขนาดเล็ก ซึ่งปีก่อนจำนวนห้องพักเปิดใหม่เพิ่มขึ้นถึง 70% มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักกว่า 8 แสนคน ในที่นี้เป็นตลาดคนไทย 80% โดยจะเดินทางเป็นรูทในเส้นทาง กรุงเทพฯ จันทบุรี และเกาะช้าง ซึ่งจันทบุรี มีความได้เปรียบเรื่องความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว มีทั้ง ทะเล ป่าเขา น้ำตก และแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา ขณะที่ช่วงโลว์ซีซัน ก็จะเป็นฤดูผลไม้ ซึ่งนักท่องเที่ยวคนไทยจะชื่อชอบเดินทางมาเที่ยวในช่วงนี้มาก
สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ เติบโต 15% ตั้งเป้าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าจันทบุรีไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน โดยทางสมาคม ททท.และจังหวัด จะร่วมกันโปรโมตและจัดกิจกรรมกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นางสาววณิชชา วัฒนพงษ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ต้องการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำระหว่างประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม ทั้งนี้ เพราะด้วยภูมิศาสตร์ประเทศที่ใกล้กัน และอยู่ติดทะเลเหมือนกัน จึงน่าจะให้การเดินทางโดยเรือโดยสารทางทะเล จะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจากเวียดนามเข้ามาประเทศไทยเติบโตขึ้น
ล่าสุด เมื่อเดือนตุลาคม 2550 จังหวัดจันทบุรีได้ลงบันทึกข้อตกลงร่วมกัน หรือ MOU กับเมืองเกียนยาง ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ในการที่จะส่งเสริมธุรกิจเรือไฮโดรฟลอย วิ่งระหว่าง 2 เมืองดังกล่าว ซึ่งไฮโดรฟลอย เป็นเรือนำเที่ยวรูปแบบคล้ายเรือสำราญ ปรับอากาศ 2 ชั้น จุนักท่องเที่ยวได้ครั้งละ 400-450 คน ปัจจุบันทางเมืองเกียนยาง มีเรือแบบนี้วิ่งให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเพื่อมายัง จ.จันทบุรี แล้ว 1 ลำ ขณะที่จาการเซ็น MOU ดังกล่าวข้างต้น ได้ระบุว่า ทั้ง 2 ประเทศ จะต้องมีเรือไฮโดรฟลอย คนละ 1 ลำ แต่ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีภาครัฐ และเอกชนรายใดเข้ามาลงทุน ทั้งที่ศักยภาพนักท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ดีมาก
นางสาววณิชชา กล่าวว่า จากข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า ภาครัฐยังไม่จริงจังที่จะส่งเสริมให้เกิดการเดินทางในเส้นทางนี้ ทั้งที่ภาคเอกชนในส่วนของโรงแรมที่พักมีความพร้อมแล้ว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองที่ล่าช้าและติดขัดปัญหาเยอะ อาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเบื่อหน่าย ทั้งที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนมีเงิน
ปัจจุบันสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาจังหวัดจันทบุรี มีประมาณ 5-10% โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่ไหลล้นมาจากพัทยา จากเมื่อ 3-4 ปีก่อน จันทบุรีจะเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยเกือบ 100% โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย สแกนดิเนเวีย ซึ่งจะพักนานวัน เพราะหนีอากาศหนาวเย็นมาพักที่อบอุ่น ส่งผลให้เกิดการลงทุนในกลุ่มรีสอร์ทสไตล์บูติกเพิ่มขึ้น แต่เป็นการลงทุนของผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งต่างจาก หัวหิน หรือประจวบฯ ที่จะเป็นการลงทุนของชาวต่างชาติ หรือเชนโรงแรมจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ จันทบุรี มีโรงแรมที่พักประมาณ 2 พันห้อง และยังมีการลงทุนสร้างใหม่ขึ้นมาอีกอย่างต่อเนื่อง แต่จะเน้นโรงแรมบูติคขนาดเล็ก ซึ่งปีก่อนจำนวนห้องพักเปิดใหม่เพิ่มขึ้นถึง 70% มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักกว่า 8 แสนคน ในที่นี้เป็นตลาดคนไทย 80% โดยจะเดินทางเป็นรูทในเส้นทาง กรุงเทพฯ จันทบุรี และเกาะช้าง ซึ่งจันทบุรี มีความได้เปรียบเรื่องความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว มีทั้ง ทะเล ป่าเขา น้ำตก และแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา ขณะที่ช่วงโลว์ซีซัน ก็จะเป็นฤดูผลไม้ ซึ่งนักท่องเที่ยวคนไทยจะชื่อชอบเดินทางมาเที่ยวในช่วงนี้มาก
สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ เติบโต 15% ตั้งเป้าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าจันทบุรีไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน โดยทางสมาคม ททท.และจังหวัด จะร่วมกันโปรโมตและจัดกิจกรรมกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง