xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.เตรียมชง 3 ร่าง กม.บัตรเครดิต เข้าสภาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปชป.” เผย เตรียมเสนอร่างกฎหมายบัตรเครดิต 3 ฉบับ เข้าสภาฯ ชี้เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้ใช้บัตรเครดิต-ให้ลูกหนี้ร้องเรียนได้กรณีถูกทวงหนี้คุกคาม

วันนี้ (23 มี.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเงา และนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้ประชาชนกำลังประสบปัญหาการเป็นหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ซึ่งพบว่าในช่วง5-6 ปีที่ผ่านมาปัญหาได้ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ จากระดับชนชั้นกลางไปสู่ชนชั้นรากหญ้า โดยรวมกว่า 12 ล้านบาท และหนี้ส่วนบุคคลอีกจำนวนมาก จนกลายเป็นปัญหาสังคมที่ควรได้รับการเยียวยา และสร้างมาตรฐานความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐในการควบคุมกฎหมาย ผู้ประกอบการในการมีวินัย ธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจ และประชาชนที่ขาดความรู้ ขาดวินัยในการกู้ยืมเงิน ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกันหาทางออกต่อปัญหาดังกล่าว

นายกรณ์กล่าวว่า ตนจะเรื้อฟื้นร่างพ.ร.บ.การติดตามทวงหนี้ที่เป็นธรรมที่คณะกรรมาธิการการคลัง ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช) เคยเสนอไว้ ต่อที่ประชุมสภาอีกครั้ง เนื่องจากมีประชาชนได้ร้องเรียนถึงความเดือดร้อนที่ได้รับจากการติดตามทวงถามหนี้ที่ไม่เหมาะสมของสถาบันการเงินเป็นจำนวนมาก โดยเนื้อหาหลักของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ประกอบด้วย จัดให้มีการตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาดุแลลูกหนี้โดยตรง เพื่อให้ลูกหนี้สามารถร้อนเรียนเวลาที่มีปัญหาเกี่ยวกับกานทวงถามหนี้ได้ โดยบริษัททวงหนี้จะต้องลงทะเบียนกับแบงก์ชาติ และต้องรับผิดชอบต่อการทวงหนี้ โดยไม่ใช้ความรุนแรงหรือใช้วิธีผิดกฎหมาย และให้สร้างมาตรฐานการทวงหนี้โดยที่ผู้ติดตามหนี้ต้องติดต่อกับลูกหนี้ในเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมและห้ามผู้ติดตามหนี้ติดต่อกับลูกหนี้เกินวันละ 1 ครั้ง และห้ามมิให้ผู้ติดตามหนี้กระทำการลักษณะที่เป็นการละเมิด และคุกคามในการติดตามทวงถามหนี้

ด้านนาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พาณิชย์เงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนจะเสนอร่างพ.ร.บ.บัตรเครดิต และ ร่างพ.ร.บ. ข้อมูลเครดิต เข้าสู่ที่ประชุมสภา เพื่อสร้างหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการบัตรเครดิต เพื่อแก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบ ด้วยการกำหนดมาตรการทางกฎหมายให้มีความเป็นธรรม มีหลักการในการพิจารณาการให้บัตรเครดิตให้มีความรอบคอบยิ่งขึ้น โดยมีคณะกรรมการขึ้นมากำหนดหลักเกณฑ์การออกบัตร อย่างไรก็ตามแม้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงค์ชาติจะมีหลักเกณฑ์กำกับอยู่แล้ว แต่อำนาจควบคุมได้เฉพาะกับกรณีของธนาคารพาณิชย์เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีธุรกิจให้บริการบัตรเครดิตจำนวนมากที่ไม่ใช่ในรูปของธนาคารพาณิชย์ ดังนั้นกฎหมายตัวนี้จะเข้าไปควบคุมดูแลทั้งหมด โดยจะดูที่ประเภทของธุรกิจเป็นหลัก นอกจากนี้จะยังมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับมิจฉาชีพที่ใช้บัตรเครดิตในทางที่มิชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย เพราะที่ผ่านมา ไม่มีกฎหมายควบคุม และการพิสูจน์ความผิดไม่เท่าทันกับการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ

“กฎหมายนี้ไม่ใช่จะเป็นการปิดกั้น หรือขัดขวางไม่ให้ประชาชนได้ใช้บัตรเครดิต แต่จะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ รูปแบบ และบทลงโทษต่างๆให้มีความชัดเจน เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อประชาชนโดยรวมอย่างแน่นอน”นายพีระพันธุ์กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น