นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเงา และนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเงา แถลงภายหลังการสัมมนาเรื่องการเสนอกฎหมายบัตรเครดิต และหนี้บัตรเครดิต ที่มีตัวแทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วม พร้อมรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎหมาย 3 ฉบับ ที่พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ติดตามทวงหนี้ที่เป็นธรรม ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลเครดิต และร่าง พ.ร.บ. บัตรเครดิต ที่พรรคกำลังจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
โดยนายพีระพันธ์ กล่าวว่า เพื่อให้การทำงานของพรรคเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง จึงมีการรับฟังควาามเห็นและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็น เพราะมีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยืนยันว่า จะเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาฯ ในสัปดาห์หน้า แต่ถ้ายังแก้ไขปรับปรุงไม่แล้วเสร็จจะเสนอในสัปดาห์ถัดไป อย่างไรก็ตาม เห็นว่าแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีระเบียบในการดูแลเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว แต่ไม่มีกฎหมายและหลักปฏิบัติที่ชัดเจน เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ แต่ยังมีนิติบุคคลอื่นๆ จึงควรมีหน่วยงาานกลางมากำกับดูแล
ขณะที่นายกรณ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้น ใน 5-6 ปีที่ผ่านมา และมีบัตรเครดิตที่มีปัญหา กว่า 12 ล้านบัตรทั่วประเทศ และมีหนี้ส่วนบุคคลต่างๆที่มีปัญหา ที่เป็นปัญหาของสังคมที่สมควรได้รับการเยียวยา ขณะที่ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการบริหารของภาครัฐ และผู้ประกอบการที่ขาดธรรมาภิบาล และผู้ประกอบการที่ควรได้รับการแก้ไข สำหรับเนื้อหาในการเพิ่มโทษนั้น จะเสนอให้มีการเปิดเผยข้อมูลเครดิตชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสียขยายวงกว้าง และกำหนดจำนวนที่ถือบัตรต่อคนโดยดูจากรายได้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การจำกัดการใช้บัตรเครดิตของประชาชน ทั้งนี้ในเนื้อหาหลักของร่างพ.ร.บ.ติดตามทวงหนี้ที่เป็นธรรม ที่พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอนั้น มีอาทิ ให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาดูแลลูกหนี้โดยตรง เพื่อให้ลูกหนี้สามารถร้องเรียนเวลามีปัญหาเกี่ยวกับการทวงถามหนี้ได้ให้บริษัททวงหนี้ลงทะเบียนกับธนาคารแห่งประเทศไทย และรับผิดชอบต่อการทวงหนี้ที่ไม่ใช้ความรุนแรงหรือวิธีที่ผิดกฎหมาย ให้สร้างมาตรฐานในการทวงหนี้ ห้ามผู้ติดตามหนี้ติดต่อลูกหนี้เกินวันละ 1 ครั้ง ห้ามผู้ติดตามหนี้กระทำการละเมิด และคุกคามในการติดตามทวงถามหนี้
โดยนายพีระพันธ์ กล่าวว่า เพื่อให้การทำงานของพรรคเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง จึงมีการรับฟังควาามเห็นและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็น เพราะมีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยืนยันว่า จะเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาฯ ในสัปดาห์หน้า แต่ถ้ายังแก้ไขปรับปรุงไม่แล้วเสร็จจะเสนอในสัปดาห์ถัดไป อย่างไรก็ตาม เห็นว่าแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีระเบียบในการดูแลเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว แต่ไม่มีกฎหมายและหลักปฏิบัติที่ชัดเจน เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ แต่ยังมีนิติบุคคลอื่นๆ จึงควรมีหน่วยงาานกลางมากำกับดูแล
ขณะที่นายกรณ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้น ใน 5-6 ปีที่ผ่านมา และมีบัตรเครดิตที่มีปัญหา กว่า 12 ล้านบัตรทั่วประเทศ และมีหนี้ส่วนบุคคลต่างๆที่มีปัญหา ที่เป็นปัญหาของสังคมที่สมควรได้รับการเยียวยา ขณะที่ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการบริหารของภาครัฐ และผู้ประกอบการที่ขาดธรรมาภิบาล และผู้ประกอบการที่ควรได้รับการแก้ไข สำหรับเนื้อหาในการเพิ่มโทษนั้น จะเสนอให้มีการเปิดเผยข้อมูลเครดิตชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสียขยายวงกว้าง และกำหนดจำนวนที่ถือบัตรต่อคนโดยดูจากรายได้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การจำกัดการใช้บัตรเครดิตของประชาชน ทั้งนี้ในเนื้อหาหลักของร่างพ.ร.บ.ติดตามทวงหนี้ที่เป็นธรรม ที่พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอนั้น มีอาทิ ให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาดูแลลูกหนี้โดยตรง เพื่อให้ลูกหนี้สามารถร้องเรียนเวลามีปัญหาเกี่ยวกับการทวงถามหนี้ได้ให้บริษัททวงหนี้ลงทะเบียนกับธนาคารแห่งประเทศไทย และรับผิดชอบต่อการทวงหนี้ที่ไม่ใช้ความรุนแรงหรือวิธีที่ผิดกฎหมาย ให้สร้างมาตรฐานในการทวงหนี้ ห้ามผู้ติดตามหนี้ติดต่อลูกหนี้เกินวันละ 1 ครั้ง ห้ามผู้ติดตามหนี้กระทำการละเมิด และคุกคามในการติดตามทวงถามหนี้
