xs
xsm
sm
md
lg

ราคาน้ำมันตลาดโลกทำสถิติใหม่พุ่งแตะ106.45ดอลล์/บาร์เรล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวขึ้นสูงจนสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งโดยพุ่งแตะที่ระดับ 106.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลก่อนอ่อนตัวมาปิดที่105.15ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ผู้ค้าน้ำมันเอกชนเซ็ง เหตุกระทรวงพลังงานไม่ฟังเสียงภาคเอกชน

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงทะยานขึ้นไม่หยุด โดยสามารถสร้างสถิติใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบตลาด สหรัฐเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) ซื้อขายระหว่างวันแตะระดับ 106.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาปิดระดับที่ 105.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดเอเชียสร้างสถิติสูงสุดเช่นกัน น้ำมันดิบดูไบปิดที่ 96.13 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ เบนซิน 109.27 ดอลลาร์สหรัฐ ดีเซล 121.91 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยสาเหตุหลักมาจากการเก็งกำไร ของบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่างๆ ที่คาดการณ์ว่าตลาดค้าน้ำมันจะคึกคักมากขึ้น หลังเงินดอลลาร์สหรัฐสร้างสถิติอ่อนค่าต่อเนื่อง

โดยกระแสความไม่สงบในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันยังมีมาตลอดทั้งปัญหาข้อพิพาท ระหว่างโคลัมเบีย-เวเนซูเอลา ปัญหาประเทศไนจีเรีย อิหร่าน อิรัก เป็นต้น โดยนักวิเคราะห์ต่างระบุว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย เพราะหลายฝ่ายคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐแต่ในขณะนี้พุ่งไปถึง 106 ดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสที่จะเห็น 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในอนาคต

นายธีรพจน์ วัชราภัย ประธาน บริษัทเชลล์ในประเทศไทย กล่าวว่า สาเหตุที่เชลล์ต้องปรับราคาดีเซล 50 สตางค์/ลิตรในวันนี้ จนทำให้ราคาดีเซลของไทยทำนิวไฮกว่า 30 บาทต่อลิตร ก็เพราะไม่สามารถทนรับภาระขาดทุนเป็นจำนวนมากได้อีก โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเชลล์ขาดทุนไปกว่า 60 ล้านบาทแล้ว โดยมาตรการที่กระทรวงพลังงานเข้ามาดูแลเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่บริษัทน้ำมันของรัฐทั้ง ปตท.-บางจาก-เจ็ท ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันประมาณร้อยละ 50 มาตรึงราคาน้ำมัน ก่อให้เกิดการค้าที่ไม่เป็นธรรม สำหรับผู้ค้าที่ไม่มีโรงกลั่นน้ำมัน และคงจะต้องปิดตัวลงไปมาขึ้น

"การอุดหนุนราคาที่จะช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนควรจะเข้าช่วยหลือเป็นรายกลุ่มที่เดือดร้อน เช่น กลุ่มขนส่ง กลุ่มประมง โดยไม่ควรหว่านแหช่วยด้วยการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนดีเซล 30 สตางค์ตามแนวคิดของกระทรวงพลังงาน"นายธีรพจน์ กล่าว

นายธีรพจน์ กล่าวว่าถือเป็นการนำเงินของผู้ใช้เบนซินที่ส่วนใหญ่ขับรถยนต์นั่ง ไปอุดหนุนผู้ขับรถยนต์นั่งที่ใช้ดีเซล รูปแบบที่ดำเนินการคือควรเหมือนในอดีต ที่ช่วยเหลือรายกลุ่ม เช่น กรณีรถ บขส.-ขนส่ง ให้ทางกรมการขนส่งทางบกจดทะเบียน แล้วนำกำไรจากค่าการกลั่นที่ปัจจุบันได้กำไรนับหลายหมื่นล้านบาท ไปอุดหนุนจะดีกว่า หรือ ให้ ปตท.คุมราคาหน้าโรงกลั่น ดีกว่ามาคุมราคาหน้าปั๊มที่ทำให้รายย่อยเดือดร้อน และหากภาครัฐจะอุดหนุนก็น่าจะตรึงค่าการตลาดค้าปลีกดีเซล 1.20 บาทเหมือนในอดีต ผู้ค้าน้ำมันก็จะไม่เดือดร้อน

“ที่ผ่านมา รมว.พลังงาน เรียกประชุมหารือเฉพาะภาครัฐ ปตท.-บางจากฯไม่เคยเรียกผู้ค้าน้ำมันภาคเอกชนเข้าไปพบ และในขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันจะขอเข้าพบตัวฝ่ายราชการเพื่อชี้แจงปัญหาก็ทำได้ยากมาก ซึ่งก็เข้าใจว่าภาครัฐพยายามแก้ปัญหาผลกระทบผู้บริโภค แต่ก็สร้างความไม่เป็นธรรมในระบบการค้า”นายธีรพจน์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น