รมว.พลังงาน ผวาราคาน้ำมันดีเซลทะลุ 30 บ./ลิตร ยันไม่ได้สั่ง ปตท.เข้าแทรกแซงตลาด เตรียมเสนอแนวทาง 3 แนวทางต่อ กพช. ตรึงราคา สัปดาห์หน้า "ประเสริฐ" เย้ยผู้ค้ารายใดต้องการขึ้นราคา ก็สามารถทำได้โดยอิสระอยู่แล้ว ค่ายบางจาก ออกโรงค้านนโยบายประหยัดพลังงาน โดยให้เปิด-ปิดสถานีบริการฯ ตามเวลา
วันนี้(5 มี.ค.) พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าวการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของกลไกตลาดน้ำมันภายในประเทศ โดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้สั่งให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ามาแทรกแซงราคาน้ำมัน โดยไม่มีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลที่หลักจิตวิทยาเกิน 30 บาท/ลิตรแต่อย่างใด ซึ่งเข้าใจดีถึงข้อเรียกร้องของผู้ค้าน้ำมันรายอื่น ที่เสนอให้ ปตท.ขึ้นราคา หรือนำเงินจากกำไรธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันมาอุดหนุนราคาน้ำมัน ซึ่งเรื่องนี้ก็แล้วแต่การตัดสินใจของ ปตท.เอง
โดยการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการค้าน้ำมันทุกราย ซึ่งมี พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ เป็นประธานฯ ได้มีการหารือถึงแผนการรับมือ หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับสูงขึ้น และมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการผลิตสินค้าอาจขึ้นไปทะลุถึงลิตรละ 30 บาท
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มสูงขึ้น และมีแนวโน้มทะลุลิตรละ 30 บาทนั้น เรื่องนี้ กระทรวงพลังงานได้เตรียมมตรการรับมือไว้ 3 แนวทาง คือ 1.การงดจัดเก็บเงินเข้ากองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่นำไปใช้สร้างรถไฟฟ้า 50 สตางค์ต่อลิตร เนื่องจากไม่เกิดความชัดเจนว่ารัฐบาลจะตัดสินใจ
2.นำเงินทุนรูปแบบใดมาใช้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้า ,การงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 10 สตางค์ต่อลิตร ที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบัน และ 3.การนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ขณะนี้ไปลดราคาน้ำมันดีเซลประมาณ 30 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งจะเสนอแนวทางดังกล่าวต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันพุธหน้า
รมว.พลังงาน กล่าวย้ำว่า การที่กระทรวงพลังงานเร่งเสนอแนวทางลดราคาน้ำมันดีเซล เพราะขณะนี้ประเทศไทยเกิดวิกฤติราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่แตะถึงระดับ 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) ระบุว่า ผู้ค้าน้ำมันรู้สึกกังวลกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นโดยแผนที่จะเสนอเพื่อรับมือกับปัญหาราคาน้ำมันแพงต่อกระทรวงพลังงาน จะต้องคำนึงถึงการลดภาระของทั้งผู้ค้า และประชาชนเพื่อให้เดือดร้อยน้อยที่สุด เพราะขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันต้องขาดทุนถึงวันละ 60 ล้านบาท จากค่าการตลาดที่ติดลบอยู่ลิตรละ 40 -50 สตางค์
ส่วนแผนการรับมือปัญหาราคาน้ำมันแพงของกระทรวงพลังงาน ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ คือ การนำมาตรการกำหนดเวลาเปิดปิดสถานีบริการน้ำมันกับมาใช้ใหม่ ซึ่งนายธีรพจน์ วัชราภัย ประธานบริษัทเชลล์ ในประเทศไทยระบุว่าการกำหนดเวลาเปิดปิดสถานีบริการน้ำมันไม่ได้ช่วยลดการใช้น้ำมัน แต่อาจทำให้สถานีบริการน้เมันขนาดเล็กต้องปิดกิจการ เพราะทุกวันนี้ยังต้องขาดทุนจากการขายน้ำมัน เนื่องจากการตรึงราคาน้ำมันของ ปตท.
ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. จะยังไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศจนถึงวันพุธหน้า เพื่อรอจนกว่าคณะกรรมการฯ กพช. จะพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาราคาน้ำมันดีเซลที่กระทรวงพลังงานเสนอไปให้เสร็จสิ้นก่อน
ส่วนราคาน้ำมันเบนซินนั้นขณะนี้มีทางเลือกมากพอแล้ว ดังนั้นจะปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกของตลาด และหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจะช่วยพยุงราคาน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง สำหรับมาตรการระยะยาวจะส่งเสริมให้ประชาชนใช้เอ็นจีวีมากขึ้น โดยตั้งเป้าภายใน 4 ปีจะมีรถยนต์ใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้นประมาณ 210,860 คัน
นายประเสริฐ กล่าวถึงการแทรกแซงกลไกตลาด โดยระบุว่า การแข่งขันธุรกิจน้ำมันเป็นการค้าเสรี ผู้ค้าน้ำมันแต่ละรายจะปรับราคาอย่างไรก็ได้ ซึ่งในส่วนของ ปตท.มีภาระทางสังคมต้องดูแล และปัจจุบันมีการเกลี่ยค่าการกลั่นมาช่วยราคาน้ำมันอยู่แล้ว เพราะ ปตท.มีการนำกำไรจากธุรกิจอื่นๆ เช่น โรงกลั่นมาช่วยรับภาระราคาน้ำมัน