“หมอเลี้ยบ” สยบกระแสล้างบางเด็กรัฐบาลขิงแก่ ปฎิเสธลั่น! ไม่เคยรับใบสั่ง “แม้ว” ผลักดัน “ธีระชัย” เป็นผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ เผยช่วงนี้ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน พร้อมรับประกันไม่เปลี่ยนตัวผู้ว่าการ ธปท.ในช่วง 3-4 เดือนจากนี้ เพราะยังทำงานร่วมกันได้ด้วยดี พร้อมปฏิเสธมีไอ้โม่งอินไซเดอร์ข้อมูลภายใน แอบเก็งกำไรในตลาด “ออฟชอร์”
วันนี้ (3 มี.ค.) นายแพทย์ (นพ.) สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสข่าวการปลด นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยระบุว่า ตนเองยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนตัวผู้ว่าการ ธปท.ในขณะนี้ เพราะมั่นใจว่า ยังพอทำงานร่วมกันได้ด้วยดี โดยเฉพาะในระยะ 3-4 เดือนนับจากนี้ พร้อมปฏิเสธใบสั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำชับให้แต่งตั้ง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เข้ามารับหน้าที่ผู้ว่าการ ธปท.แทน
นพ.สุรพงษ์ ยังปฏิเสธว่า ตนเองไม่มีการติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในระยะนี้ พร้อมย้ำว่าหากจะมีการหารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเป็นเพียงแค่การขอคำแนะนำเท่านั้น แต่ไม่ใช่การขอให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ไม่ว่าจะมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการหรือไม่ก็ตาม
“ผมจะยังไม่ติดต่อพูดคุยในขณะนี้ จะรอให้ผลมาตรการ 30% มีความชัดเจนก่อน เพราะไม่อยากให้ถูกไปโยงกับประเด็นทางการเมือง”
นอกจากนี้ ยังปฏิเสธถึงกระแสข่าวลือ ว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในระยะนี้ เพราะเห็นว่ารัฐบาลเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่กี่สัปดาห์ ส่วนที่คนภายนอกมองกันว่ามีความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชน (พปช.) นั้น มองว่า เป็นเรื่องของความคิดเห็นที่แตกต่างมากกว่า แต่ไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้งแต่อย่างใด
“ผมยืนยันว่า ในช่วง 3-4 เดือนนี้ ผมยังมีความมั่นใจว่า การทำงานกับทางผู้ว่าการแบงก์ชาติจะทำงานไปในทิศทางเดียวกัน” นพ.สุรพงษ์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า
ช่วงที่ผ่านมา คุณธาริษา ได้พยายามดูแลค่าเงินบาทอย่างเต็มที่ และสามารถทำงานร่วมกับภาคเอกชนได้ดี ส่วนเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ ที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 5.4 มาจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่า ค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าในช่วงนี้จะช่วยชะลอการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อได้บ้าง
สำหรับทิศทางค่าเงินบาทที่ ธปท.ดูแลอยู่ในขณะนี้ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ยังคงเป็นไปตามทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ซึ่งสิ่งที่ภาครัฐจะต้องดำเนินการต่อไปคือการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ส่งออก โดยอนาคตกระทรวงการคลังจะต้องเพิ่มขีดความสามารถทั้งคุณภาพในด้านการผลิตและการลงทุนให้มากขึ้น
นพ.สุรพงษ์ กล่าวย้ำว่าการประกาศยกเลิกมาตรการ 30% ของ ธปท. ยืนยันว่า ไม่มีคนวงในที่ล่วงรู้ข้อมูลล่วงหน้า (อินไซเดอร์) จนทำให้เกิดการเก็งกำไรตามที่เป็นข่าว เนื่องจากการหารือกับแบงก์ชาติตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในส่วนของกระทรวงการคลังเอง นอกจากตนแล้ว มีผู้รับรู้ข้อมูลเพียง 2 คนเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าการเก็งกำไรที่เกิดขึ้น เกิดจาการคาดการณ์ของนักลงทุนล่วงหน้า
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าการเปิดตลาดค้าเงินในวันพรุ่งนี้จะไม่เกิดความผันผวนและค่าเงินบาทจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากภูมิภาคมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนได้มีการคาดการณ์ล่วงหน้าอยู่แล้ว