พาณิชย์จนแต้มแก้ปัญหาหมูแพง ชี้ราคาหน้าเขียงพุ่ง กก.ละ 120 บ. สูงเกินความเป็นจริง เตรียมสั่งปรับราคาลงอีก กก.ละ 17 บ. "เจ๊มิ่ง" เตรียมถกผู้ค้ารายใหญ่ 2-3 วันนี้ หากคุยไม่รู้เรื่อง เตรียมใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเข้าเล่นงาน ทั้งมาตรการห้ามส่งออก และขึ้นบัญชีเป็นสินค้าควบคุม
วันนี้(19 ก.พ.) นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาราคาเนื้อหมูมีราคาแพงในขณะนี้ โดยระบุว่า กรมฯ ได้สำรวจราคาจำหน่ายเนื้อหมูในท้องตลาดทั่วไป พบว่า ตอนนี้ราคาขายปลีกหน้าเขียงอยู่ระหว่าง 115-120 บาท/ก.ก. ถือว่าเป็นราคาที่สูงเกินกว่าต้นทุน ดังนั้น ตนเองที่กำกับดูแลเรื่องนี้ ได้เตรียมสั่งให้ปรับลดราคาในระดับดังกล่าวลง เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง
นายยรรยง กล่าวว่า หากคำนวณราคาหมูชำแหละสูตรใหม่ที่กรมการค้าภายในคำนวณไว้พบว่า อัตราเนื้อหมูที่เหมาะสมควรอยู่ที่ไม่เกิน 103 บาท/ก.ก. เท่านั้น ซึ่งผู้จำหน่ายเนื้อหมูชำแหละจะต้องมีการปรับลดราคาลงประมาณ 12-17 บาท/ก.ก. อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 วันนี้จะเชิญผู้ผลิตและเลี้ยงหมูครบวงจรรายใหญ่มาหารือ เพื่อขอให้พิจารณาราคาจำหน่ายที่เหมาะสม เช่น บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 55%
"หากเขียงหมูไม่ยอมปรับลดราคา กรมการค้าภายในจะเสนอให้กำกับดูแลการเลี้ยงและจำหน่ายหมูทั้งวงจร ตั้งแต่วัตถุดิบอาหารสัตว์ ราคาลูกหมู ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม ราคาหมูซีก จนถึงราคาเนื้อหมูชำแหละหน้าเขียง โดยจะเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ให้พิจารณานำวัตถุดิบอาหารสัตว์ และลูกหมูเป็นสินค้าควบคุม"
นายยรรยง ระบุว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาหมูปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการส่งออกไปยังต่างประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งประสบปัญหาภัยหนาวทำให้หมูตายจำนวนมากโดยส่งผ่านไปทางประเทศเวียดนาม ดังนั้น กรมการค้าภายในอาจจะเสนอให้หมูเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตส่งออก เพื่อชะลอการส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมทั้งอาจเสนอให้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมในส่วนของเนื้อหมูชำแหละ ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมอยู่แล้ว คือเสนอให้ผู้ค้า ผู้นำเข้า ส่งออก ต้องแจ้งปริมาณสต๊อกแต่ละเดือน รวมถึงแจ้งการเคลื่อนย้าย เพื่อตรวจสอบการไหลเข้าออกของสุกร
สำหรับปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาแพงนั้นกรมการค้าภายในจะช่วยเหลือผู้เลี้ยงสัตว์ ด้วยการเสนอให้กระทรวงการคลังปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ลง รวมทั้งจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสต๊อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ภายในประเทศด้วย และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม ในสัปดาห์หน้านายมิ่งขวัญจะเชิญผู้ผลิตกลุ่มเนื้อสัตว์ทั้งหมดมาหารือ เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เป็นธรรมต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหาเนื้อหมูแพงในระยะสั้น กรมการค้าภายในเตรียมที่จะจัดเนื้อหมูธงฟ้าออกจำหน่ายในเร็วๆ นี้ ส่วนเรื่องราคา วัน เวลา สถานที่ที่จะเปิดให้มีการจำหน่ายอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่จะทำโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังจะประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขอแบ่งซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาถูกมาใช้ภายในประเทศ ซึ่งได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง เป็นต้น
ด้านนาย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะหารือกับผู้ประกอบการสินค้าและบริการ 250 ราย ที่จำเป็นต่อการครองชีพในชีวิตประจำวัน เพื่อหาแนวทางในการลดและตรึงราคาขายสินค้า โดยในเบื้องต้นเห็นว่ามีสินค้าและบริการหลายรายการที่สามารถจะลดราคาลงได้ทันที หรือบางรายการสามารถที่จะตรึงราคาขายได้ เพราะบางรายการผู้ประกอบการยังมีกำไรอยู่มาก หากยอมปรับลดกำไรลง และบริหารต้นทุนใหม่ ก็ไม่น่าจะขาดทุน
ทั้งนี้ สินค้าที่คาดว่าจะปรับลดราคาได้ทันที เช่น เนื้อสุกร อาหารสด สินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการ รวมไปถึงค่าบริการโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลที่คาดว่าจะลดราคาลงมาได้
“ตั้งใจจะให้สินค้าและบริการที่จำเป็น อย่างเนื้อหมู อาหารสด ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ สินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการปรับลดราคาลงมาก่อน เพราะผู้ประกอบการยังมีกำไรอยู่มาก”นายมิ่งขวัญกล่าว
ก่อนหน้านี้ ได้หารือกับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทคแล้ว บริษัทได้แสดงความจำนงค์ที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ส่วนรายอื่นๆ ทั้งเอไอเอส, ทรู และฮัทช์ คาดว่า น่าจะให้ความร่วมมือเช่นเดียวกัน ส่วนเนื้อหมู ขณะนี้กรมการค้าภายในได้มีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งระบบแล้ว หลังจากนั้น ในสัปดาห์หน้า จะลงไปหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับหมูทั้งระบบอีกครั้ง เพื่อทำให้ราคาเป็นธรรม