บิทไว้ส์ รุกหนักทุ่ม 10 ล้าน หวังรายได้ 100 ล้าน จากไลน์สินค้าใหม่ “เครื่องจ่ายลมเย็น” หลังซุ่มกรุยทางมา 3 ปี หวังคานยอดขายส่งออกแอร์ ที่หลังแอ่นแบกรับต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังยิ้มออก สิ้นปีวาดฝันรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาทแน่
นายสมยศ กีรติชีวนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิทไว้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านรับจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศ ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ภายใต้แบรนด์ “ทาซากิ” เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทตลอดมา คือ การเป็นฐานการผลิต หรือ โออีเอ็ม เครื่องปรับอากาศให้กับแบรนด์ต่างๆเกือบทั่วโลก
ตลาดหลักๆ ของบริษัทมีกระจายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง ยุโรป ละตินอเมริกา เยอรมนี และเป็นโออีเอ็มให้กับเครื่องปรับอากาศอีกหลายๆ แบรนด์ในประเทศไทยด้วย ภายใต้กำลังการผลิตต่อปีประมาณ 1 แสนเครื่อง โดยสัดส่วนรายได้โดยเฉลี่ย 60% เป็นการส่งออก และ 40% มาจากในประเทศ ขณะที่สัดส่วนรายได้จากในประเทศกว่า 10% มาจากยอดขายของเครื่องปรับอากาศแบรนด์ทาซากิ ที่บริษัทผลิตเพื่อจำหน่ายขึ้นเอง
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา สำหรับยอดขายจากการส่งออกยอมรับว่า มูลค่าของกำไรลดลง ถึงแม้จะสามารถทำรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้ก็ตาม ซึ่งเกิดจากการที่อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราของไทยแข็งค่าขึ้น ทำให้ยอดเงินที่ได้จากการส่งออกลดลง อีกทั้งต้นทุนของวัตถุดิบ ยังมีการปรับราคาขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทองแดง หรือถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องปรับอากาศ แต่ทางบริษัทฯไม่สามารถต่อรองกับลูกค้า เพื่อปรับราคาสินค้าขึ้นได้
ดังนั้น ทางบริษัทจึงหันมามุ่งเน้นพัฒนาสินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีราคาต่ำกว่าแทน รวมถึงมีการจัดการภายในองค์กรอีกทางหนึ่งร่วมด้วย มั่นใจว่า สิ้นปีบริษัทจะยังคงมีรายได้รวมที่ 1,000 ล้านบาทได้ ซึ่งเป็นรายได้รวมที่ไม่นับรายได้จากสินค้าใหม่ที่บริษัทจะทำตลาดในปีนี้
โดยหลังจากที่บริษัทได้คิดค้นสินค้าใหม่ เรียกว่า เครื่องจ่ายลมเย็น “Hybrid Cool Unit” ที่ให้ความเย็น เช่นเดียวกับแอร์ แต่กินไฟน้อยกว่าได้สำเร็จ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลักในการสร้างความเย็น ซึ่งหลังจากบริษัทได้ทดลองทำตลาดมากว่า 3 ปี พบว่า มีความเป็นไปได้ในการสร้างตลาดนี้ขึ้น โดยปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นทำตลาด สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องจ่ายลมเย็นอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น ภายใต้งบประมาณทางการตลาดในเบื้องต้นที่เตรียมไว้กว่า 10 ล้านบาท ในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมอันจะทำให้ลูกค้ารู้จักเครื่องจ่ายลมเย็นมากยิ่งขึ้น
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเครื่องจ่ายลมเย็นนี้ จะเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการให้มีอากาศเย็นในที่โล่ง ลมผ่าน โดยเฉพาะภายในอาคาร โกดัง หรือโรงงาน จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มดังกล่าวให้ความสนใจเลือกใช้เครื่องจ่ายลมเย็นแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ราย โดยในปีนี้คาดว่า จะมีรายได้จากเครื่องจ่ายลมเย็นคิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยยอดขายดังกล่าวมาจาก เครื่องจ่ายลมเย็นรุ่นใหญ่ 3,000 เครื่อง ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 70,000 ไปจนถึงหลักแสน และมาจากเครื่องจ่ายลมเย็นรุ่นเล็กประมาณ 6,000 เครื่อง ราคาเฉลี่ยที่ 2.5-3 หมื่นบาท
นายสมยศ กีรติชีวนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิทไว้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านรับจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศ ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ภายใต้แบรนด์ “ทาซากิ” เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทตลอดมา คือ การเป็นฐานการผลิต หรือ โออีเอ็ม เครื่องปรับอากาศให้กับแบรนด์ต่างๆเกือบทั่วโลก
ตลาดหลักๆ ของบริษัทมีกระจายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง ยุโรป ละตินอเมริกา เยอรมนี และเป็นโออีเอ็มให้กับเครื่องปรับอากาศอีกหลายๆ แบรนด์ในประเทศไทยด้วย ภายใต้กำลังการผลิตต่อปีประมาณ 1 แสนเครื่อง โดยสัดส่วนรายได้โดยเฉลี่ย 60% เป็นการส่งออก และ 40% มาจากในประเทศ ขณะที่สัดส่วนรายได้จากในประเทศกว่า 10% มาจากยอดขายของเครื่องปรับอากาศแบรนด์ทาซากิ ที่บริษัทผลิตเพื่อจำหน่ายขึ้นเอง
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา สำหรับยอดขายจากการส่งออกยอมรับว่า มูลค่าของกำไรลดลง ถึงแม้จะสามารถทำรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้ก็ตาม ซึ่งเกิดจากการที่อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราของไทยแข็งค่าขึ้น ทำให้ยอดเงินที่ได้จากการส่งออกลดลง อีกทั้งต้นทุนของวัตถุดิบ ยังมีการปรับราคาขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทองแดง หรือถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องปรับอากาศ แต่ทางบริษัทฯไม่สามารถต่อรองกับลูกค้า เพื่อปรับราคาสินค้าขึ้นได้
ดังนั้น ทางบริษัทจึงหันมามุ่งเน้นพัฒนาสินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีราคาต่ำกว่าแทน รวมถึงมีการจัดการภายในองค์กรอีกทางหนึ่งร่วมด้วย มั่นใจว่า สิ้นปีบริษัทจะยังคงมีรายได้รวมที่ 1,000 ล้านบาทได้ ซึ่งเป็นรายได้รวมที่ไม่นับรายได้จากสินค้าใหม่ที่บริษัทจะทำตลาดในปีนี้
โดยหลังจากที่บริษัทได้คิดค้นสินค้าใหม่ เรียกว่า เครื่องจ่ายลมเย็น “Hybrid Cool Unit” ที่ให้ความเย็น เช่นเดียวกับแอร์ แต่กินไฟน้อยกว่าได้สำเร็จ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลักในการสร้างความเย็น ซึ่งหลังจากบริษัทได้ทดลองทำตลาดมากว่า 3 ปี พบว่า มีความเป็นไปได้ในการสร้างตลาดนี้ขึ้น โดยปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นทำตลาด สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องจ่ายลมเย็นอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น ภายใต้งบประมาณทางการตลาดในเบื้องต้นที่เตรียมไว้กว่า 10 ล้านบาท ในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมอันจะทำให้ลูกค้ารู้จักเครื่องจ่ายลมเย็นมากยิ่งขึ้น
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเครื่องจ่ายลมเย็นนี้ จะเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการให้มีอากาศเย็นในที่โล่ง ลมผ่าน โดยเฉพาะภายในอาคาร โกดัง หรือโรงงาน จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มดังกล่าวให้ความสนใจเลือกใช้เครื่องจ่ายลมเย็นแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ราย โดยในปีนี้คาดว่า จะมีรายได้จากเครื่องจ่ายลมเย็นคิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยยอดขายดังกล่าวมาจาก เครื่องจ่ายลมเย็นรุ่นใหญ่ 3,000 เครื่อง ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 70,000 ไปจนถึงหลักแสน และมาจากเครื่องจ่ายลมเย็นรุ่นเล็กประมาณ 6,000 เครื่อง ราคาเฉลี่ยที่ 2.5-3 หมื่นบาท