บลจ.วรรณเผย สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว กระตุ้นนักลงทุน โยกเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น คาดความต้องการคอมอดิตี้เพิ่มขึ้น โอกาสเหมาะลงทุน Emerging Market ทำกำไรระยะยาว โดยเฉพาะ "จีน-บราซิล" ล่าสุด ผลตอบแทน"วรรณเอเอ็ม โกลบอลอีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอควิตี้" เพิ่มขึ้นกว่า 8%
นายสันธาน เฮงสกุล ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นทั่วโลก ทำให้นักลงทุนเริ่มโยกเม็ดเงินจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น การลงทุนในทองคำ และการลงทุนในตลาดเงิน มายังการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่นตลาดหุ้น และการลงทุนในตลาดของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) มากขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นทั่วโลก การลงทุนในกองทุนตลาดเงินจึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ขนาดของกองทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่การลงทุนที่ได้รับความสนใจไม่น้อยกว่ากองทุนตลาดเงินนั่นคือ การลงทุนในทองคำ ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นทำให้นักลงทุนต่างย้ายเม็ดเงินลงทุนในสินทรัพย์อย่างอื่นแทน จึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้ง พร้อมทั้งมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนตลาดเงินด้วย
ทั้งนี้ จากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบไปยังทุกประเทศทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รับผลกระทบไม่มากนักเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ อีกทั้งปัญหาต่างไม่ได้เกิดขึ้นโดยตรง จึงทำให้โอกาสที่จะฟื้นตัวก่อนที่อื่นจึงมีความเป็นไปได้สูง และจะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศกลุ่มลาติน และเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวในช่วงปลายปี2552 นี้จะทำให้เกิดความต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ (คอมอดิตี้) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยเฉพาะประเทศจีน และบราซิล ที่มีทรัพยากรด้านนี้มาก เช่นน้ำมัน อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจดีขึ้น จะทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จึงทำให้โอกาสนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีตามไปด้วย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ดังนั้นการลงทุนในช่วงที่ตลาดค่อนข้างต่ำจะทำให้ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับสูงขึ้นด้วย
"หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น จะทำให้ความต้องการคอมอดิตี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และจะส่งผลดีต่อกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีทรัพยากรในกลุ่มนี้ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นตามลำดับ "นายสันธานกล่าว
สำหรับบลจ.วรรณ มีกองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอลอีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอควิตี้ (1AM-GEM) ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก (Emerging Markets) เช่น ภูมิภาคเอเชีย ยุโรปตะวันออก และละตินอเมริกา โดยกองทุนเปิด 1AM-GEM ให้ผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จนถึงวันที่ 3 เมษายน 2552 ถึง 8% ประกอบในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจเริ่มทยอยกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งการลงทุนในขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะเริ่มลงทุนในตลาดของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ แต่ต้องเป็นการลงทุนที่หวังผลตอบแทนในระยะยาว
"การประชุมของกลุ่ม G-20 ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่ผลจากการประชุมคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าที่เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกัน มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในของแต่ละประเทศจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าผลจากการประชุม G-20"นายสันธาน กล่าว
ในส่วนของผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 พบว่า กองทุน1AM-GEMมีผลการดำเนินงานย้อนหลังอยู่ที่ -4.82% ขณะที่Benchmarkอยู่ที่ -3.62% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -45.05% ขณะที่Benchmarkอยู่ที่ -44.89% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -50.04% ขณะที่ Benchmarkเท่ากับ -49.79% และผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -35.36% ขณะที่ Benchmarkอยู่ที่ -34.51% ทั้งนี้ Benchmark เท่ากับ MSCI Emerging Market Free Index
นายสันธาน เฮงสกุล ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นทั่วโลก ทำให้นักลงทุนเริ่มโยกเม็ดเงินจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น การลงทุนในทองคำ และการลงทุนในตลาดเงิน มายังการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่นตลาดหุ้น และการลงทุนในตลาดของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) มากขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นทั่วโลก การลงทุนในกองทุนตลาดเงินจึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ขนาดของกองทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่การลงทุนที่ได้รับความสนใจไม่น้อยกว่ากองทุนตลาดเงินนั่นคือ การลงทุนในทองคำ ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นทำให้นักลงทุนต่างย้ายเม็ดเงินลงทุนในสินทรัพย์อย่างอื่นแทน จึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้ง พร้อมทั้งมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนตลาดเงินด้วย
ทั้งนี้ จากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบไปยังทุกประเทศทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รับผลกระทบไม่มากนักเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ อีกทั้งปัญหาต่างไม่ได้เกิดขึ้นโดยตรง จึงทำให้โอกาสที่จะฟื้นตัวก่อนที่อื่นจึงมีความเป็นไปได้สูง และจะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศกลุ่มลาติน และเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวในช่วงปลายปี2552 นี้จะทำให้เกิดความต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ (คอมอดิตี้) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยเฉพาะประเทศจีน และบราซิล ที่มีทรัพยากรด้านนี้มาก เช่นน้ำมัน อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจดีขึ้น จะทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จึงทำให้โอกาสนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีตามไปด้วย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ดังนั้นการลงทุนในช่วงที่ตลาดค่อนข้างต่ำจะทำให้ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับสูงขึ้นด้วย
"หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น จะทำให้ความต้องการคอมอดิตี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และจะส่งผลดีต่อกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีทรัพยากรในกลุ่มนี้ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นตามลำดับ "นายสันธานกล่าว
สำหรับบลจ.วรรณ มีกองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอลอีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอควิตี้ (1AM-GEM) ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก (Emerging Markets) เช่น ภูมิภาคเอเชีย ยุโรปตะวันออก และละตินอเมริกา โดยกองทุนเปิด 1AM-GEM ให้ผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จนถึงวันที่ 3 เมษายน 2552 ถึง 8% ประกอบในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจเริ่มทยอยกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งการลงทุนในขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะเริ่มลงทุนในตลาดของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ แต่ต้องเป็นการลงทุนที่หวังผลตอบแทนในระยะยาว
"การประชุมของกลุ่ม G-20 ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่ผลจากการประชุมคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าที่เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกัน มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในของแต่ละประเทศจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าผลจากการประชุม G-20"นายสันธาน กล่าว
ในส่วนของผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 พบว่า กองทุน1AM-GEMมีผลการดำเนินงานย้อนหลังอยู่ที่ -4.82% ขณะที่Benchmarkอยู่ที่ -3.62% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -45.05% ขณะที่Benchmarkอยู่ที่ -44.89% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -50.04% ขณะที่ Benchmarkเท่ากับ -49.79% และผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -35.36% ขณะที่ Benchmarkอยู่ที่ -34.51% ทั้งนี้ Benchmark เท่ากับ MSCI Emerging Market Free Index
