บอร์ด ทอท.พร้อมชงรัฐบาลใหม่ ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 พร้อมปัดฝุ่นสนามบินดอนเมือง เตรียมใช้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 ส่วนกรณี “คิงเพาเวอร์” ทอท.ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งศาลฯ ส่วนตำแหน่ง รมว.คมนาคม ลือสะพัด “เจ๊มิ่ง” เข้าเสียบโค้งสุดท้ายสานต่อเมกะโปรเจกต์
วันนี้ (31 ม.ค.) พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กล่าวว่า ภายหลังรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ทอท.เตรียมที่จะเสนอ 2 โครงการเร่งด่วนเพื่อให้รัฐบาลพิจารณา โดยจะขออนุมัติการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 และสร้างรันเวย์ที่ 3 และ 4 มูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ ทอท.ได้จัดทำแผนโครงการดังกล่าวไว้แล้ว และพร้อมที่จะดำเนินการทันทีที่รัฐบาลอนุมัติ
สำหรับกรณีศาลแพ่งมีคำวินิจฉัยคุ้มครองสิทธิการประกอบธุรกิจของบริษัท คิง เพาเวอร์ ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อได้จนกว่าการพิจารณาคดีจะสิ้นสุด พร้อมมีคำสั่งให้ ทอท.รับเงินหลักประกันส่วนแบ่งรายได้จำนวนกว่า 3,000 ล้านบาท ที่คิงเพาเวอร์นำมาวางเป็นหลักประกันที่ศาลกลับไปเพื่อรับรู้รายได้การประกอบกิจการนั้น พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า ทอท.พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาล และนำเรื่องการรับเงินหลักประกันส่วนแบ่งรายได้เข้าหารือในที่ประชุมบอร์ดเป็นครั้งที่ 3 ว่าจะรับเงินดังกล่าวหรือไม่
“เรื่องนี้ต้องเอาเข้าหารือในที่ประชุมบอร์ดว่าจะอนุมัติให้รับเงินหรือไม่ ในเมื่อศาลมีคำสั่งให้รับ ก็ต้องดูว่าบอร์ดจะมีความเห็นอย่างไร มติบอร์ดเรื่องนี้จะต้องเป็นเอกฉันท์ หากให้รับก็รับ แต่ถ้าไม่ให้รับก็เป็นเรื่องของบอร์ด เพราะเรื่องการรับรู้รายได้มีกำหนดถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ ซึ่งตอนนั้นก็คงจะมีบอร์ดใหม่มาแล้ว”
พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า ทั้งนี้ หากรัฐบาลใหม่เสนอให้มีการเจรจากับคิงเพาเวอร์เพื่อยุติปัญหาดังกล่าว ทอท.ก็พร้อมเจรจา เพราะ ทอท.ก็เป็นองค์กรที่ประกอบกอบธุรกิจเช่นเอกชนที่หวังผลกำไรเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ท.ชนะ มองว่า การรับเงินหลักประกันส่วนแบ่งรายได้ที่คิง เพาเวอร์ นำมาวางไว้ จะเป็นผลดีต่อ ทอท.เพราะจะได้นำเงินดังกล่าวมารับรู้รายได้และดำเนินธุรกิจของ ทอท.ต่อไป ซึ่งเห็นว่าการรับเงินดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการพิจารณาคดี แม้ว่าคดีจะยังไม่สิ้นสุด โดยเงินดังกล่าว ทอท.จะมีการลงบันทึกเป็นเงินค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่คิงเพาเวอร์ เข้ามาประกอบกิจการในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วไม่ได้รับผลตอบแทน
นอกจากนี้จะเสนอขอปรับการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมืองให้เป็นโลว์คอสต์ แอร์พอร์ต อย่างเต็มรูปแบบ โดยให้เป็นท่าอากาศยานที่รองรับเที่ยวบินของสายการบินโลว์คอสต์ ทั้งเส้นทางในประเทศ และต่างประเทศในภูมิภาค ทั้งนี้ เนื่องจากในปีที่ผ่านมาการบริหารท่าอากาศยานดอนเมืองมีผลประกอบการเปรียบเทียบระหว่างรายได้และค่าใช้จ่าย พบว่าขาดทุนปีละ 1,000 ล้านบาท โดย ทอท.เชื่อว่าการเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นโลว์คอสต์ แอร์พอร์ต จะช่วยให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และทำให้การขาดทุนดังกล่าวหมดไป
สำหรับกรณีที่สายการบินไทยแอร์เอเชียจะขอพื้นที่อาคารผู้โดยสาร 1 ของท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นโลว์คอสต์เทอร์มินอลของสายการบินโดยตรง พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า แม้ท่าอากาศยานดอนเมืองจะมีพื้นที่กว้าง แต่ ทอท.จะเป็นผู้กำหนดพื้นที่ให้แก่ลูกค้าสายการบินใช้บริการว่าจะใช้พื้นที่ส่วนใดในการดำเนินกิจกรรมการบิน
ขณะเดียวกัน ผู้บริหาร ทอท.ได้นำสื่อมวลชนมาเยี่ยมชมกิจการท่าอากาศยานเชียงราย พร้อมแถลงแผนและกลยุทธ์การดำเนินกิจการของ ทอท. โดยกล่าวว่าในปีนี้ ทอท.ได้ปรับลดค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของเครื่องบินสูงสุดถึงร้อยละ 95 ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้วในท่าอากาศยานภูมิภาค โดยคาดหวังว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มเส้นทางบินให้กับสายการบินต่าง และดึงดูดให้สายการบินต่างๆ หันมาใช้บริการท่าอากาศยานในประเทศไทยมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นการกระตุ้นให้สายการบินที่ใช้บริการท่าอากาศยานของไทยอยู่แล้วมีการเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้ไทยก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าสะพัดออกมาว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้สั่งแกนนำพรรคพลังประชาชน (พปช.) ให้ทบทวนตำแหน่งสำคัญ 3 รัฐมนตรี ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพาณิชย์ แกนนำพรรคจึงได้นำบัญชีรายชื่อกลับมาทบทวนอีกครั้ง
สำหรับรายชื่อที่คาดว่าจะมีการปรับล่าสุด นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พปช.ที่เคยวางตัวให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ถูกโยกมานั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกรทรวงคมนาคมแทน ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเคยได้รับคาดหมายมาตลอดว่าอาจได้เข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนั้น ได้ถูกสลับไปเป็นรัฐมนตรีว่ากากรกระทรวงพาณิชย์แทน
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายสมัครต้องการให้นายมิ่งขวัญเป็นผู้เข้ามาดูแลงานสำคัญที่ได้นำเสนอต่อประชาชนไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง คือ โครงการเมกะโปรเจกต์ ทั้งโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ระบบขนส่งรถไฟฟ้า รถไฟชานเมือง และรถไฟก้างปลา ซึ่งเป็นงานที่นายสมัครให้ความสำคัญอย่างมาก แต่พรรคไม่เห็นด้วยกับชื่อของนายสหัส บัณฑิตกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ในสมัยของนายสมัคร จึงคาดว่าจะไปตกลงกันที่ชื่อของนายมิ่งขวัญ