คิงเพาเวอร์ฯ ยันรอคำสั่งศาล 31 ม.ค.ยันไม่ออกจากพื้นที่แม้บอร์ดทอท.มีมติฟ้องขับไล่ ด้านสุวรรณภูมิเร่งหารือฝ่ายกฎหมายแจ้งคิงเพาเวอร์ปรับปรุงร้านค้าบังทางหนีไฟ ตาม วสท.แนะนำ
นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แม้คณะกรรมการ (บอร์ด)บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะมีมติดำเนินการฟ้องร้องขับไล่ บริษัท คิง ดิวตี้ฟรี จำกัด ผู้ดำเนินการร้านค้าปลอดภาษี และ บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด บริษัทประกอบการร้านค้าเชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิและบริวาร ออกจากพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วเมื่อวานนี้ แต่เนื่องจากขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง โดยบริษัทได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จำนวน 68,000 ล้านบาท จาก ทอท.และศาลแพ่งได้ลงประทับรับฟ้องแล้ว ดังนั้นบริษัทจะไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะมีคำสั่งศาล
นายจุลจิตต์กล่าวว่า จะเข้ารายงานผลต่อศาลแพ่งตามหมายนัดในวันที่ 31 ม.ค. 2551 เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันตั้งแต่ วันที่ 28 ธ.ค. 2550 แต่ที่ผ่านมา บอร์ด ทอท.กลับมีมติไม่เจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกับบริษัทตามคำแนะนำของศาล ดังนั้นบอร์ด ทอท.ต้องนำมติดังกล่าวไปแจ้งต่อศาลในวันที่ศาลนัด
ด้านนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท.กล่าวถึงการแก้ปรับปรุงและแก้ไขกรณีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยภายในอาคารผู้โดยสารว่า หลังจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ได้สรุปรายงานข้อแนะนำในการปรับปรุงแก้ไขร้านค้าของบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ที่บดบังช่องทางหนีไฟ มาแล้วและเป็นข้อกังวลของบอร์ดทอท.ที่ต้องการให้เร่งดำเนินการปรับปรุงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนการทำงานด้านวิศวกรรมเพื่อดำเนินการปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล และในขณะเดียวกัน ทอท.จะต้องหารือฝ่ายกฎหมายเพื่อขอคำแนะนำในการเข้าไปดำเนินการปรับปรุง ร้านค้าของคิงเพาเวอร์ด้วย เนื่องจากขณะนี้ยังมีคดีความต่อกัน
“ต้องดูขั้นตอนทางกฎหมายให้ดี เช่น การทำหนังสือแจ้งต่อคิงเพาเวอร์เพื่อให้ปรับปรุงแก้ไขส่วนที่กระทบต่อความปลอดภัย ตามข้อแนะนำของวสท.และคิงเพาเวอร์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับปรุง เนื่องจากดำเนินการผิดหลักมาตรฐานความปลอดภัยสากล แต่หากคิงเพาเวอร์ไม่ดำเนินการ ทอท.ก็จะเข้าไปดำเนินการปรับปรุงเองและขอเคลมค่าใช้จ่ายจากคิงเพาเวอร์ตามขั้นตอนต่อไป โดยมั่นใจว่าการแก้ไขปรับปรุง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยภายในอาคารผู้โดยสารจะเรียบร้อยภายในปี 2551 นี้ และไม่กระทบต่อการที่จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกในปี 2552”นายเสรีรัตน์กล่าว
นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แม้คณะกรรมการ (บอร์ด)บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะมีมติดำเนินการฟ้องร้องขับไล่ บริษัท คิง ดิวตี้ฟรี จำกัด ผู้ดำเนินการร้านค้าปลอดภาษี และ บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด บริษัทประกอบการร้านค้าเชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิและบริวาร ออกจากพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วเมื่อวานนี้ แต่เนื่องจากขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง โดยบริษัทได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จำนวน 68,000 ล้านบาท จาก ทอท.และศาลแพ่งได้ลงประทับรับฟ้องแล้ว ดังนั้นบริษัทจะไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะมีคำสั่งศาล
นายจุลจิตต์กล่าวว่า จะเข้ารายงานผลต่อศาลแพ่งตามหมายนัดในวันที่ 31 ม.ค. 2551 เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันตั้งแต่ วันที่ 28 ธ.ค. 2550 แต่ที่ผ่านมา บอร์ด ทอท.กลับมีมติไม่เจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกับบริษัทตามคำแนะนำของศาล ดังนั้นบอร์ด ทอท.ต้องนำมติดังกล่าวไปแจ้งต่อศาลในวันที่ศาลนัด
ด้านนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท.กล่าวถึงการแก้ปรับปรุงและแก้ไขกรณีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยภายในอาคารผู้โดยสารว่า หลังจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ได้สรุปรายงานข้อแนะนำในการปรับปรุงแก้ไขร้านค้าของบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ที่บดบังช่องทางหนีไฟ มาแล้วและเป็นข้อกังวลของบอร์ดทอท.ที่ต้องการให้เร่งดำเนินการปรับปรุงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนการทำงานด้านวิศวกรรมเพื่อดำเนินการปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล และในขณะเดียวกัน ทอท.จะต้องหารือฝ่ายกฎหมายเพื่อขอคำแนะนำในการเข้าไปดำเนินการปรับปรุง ร้านค้าของคิงเพาเวอร์ด้วย เนื่องจากขณะนี้ยังมีคดีความต่อกัน
“ต้องดูขั้นตอนทางกฎหมายให้ดี เช่น การทำหนังสือแจ้งต่อคิงเพาเวอร์เพื่อให้ปรับปรุงแก้ไขส่วนที่กระทบต่อความปลอดภัย ตามข้อแนะนำของวสท.และคิงเพาเวอร์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับปรุง เนื่องจากดำเนินการผิดหลักมาตรฐานความปลอดภัยสากล แต่หากคิงเพาเวอร์ไม่ดำเนินการ ทอท.ก็จะเข้าไปดำเนินการปรับปรุงเองและขอเคลมค่าใช้จ่ายจากคิงเพาเวอร์ตามขั้นตอนต่อไป โดยมั่นใจว่าการแก้ไขปรับปรุง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยภายในอาคารผู้โดยสารจะเรียบร้อยภายในปี 2551 นี้ และไม่กระทบต่อการที่จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกในปี 2552”นายเสรีรัตน์กล่าว