ผู้ประกอบการสุดทน! กรมการประกันภัยทำงานลากข้ามปี หลังฟ้องให้เอาผิดบริษัทประกันต่างด้าว เบี้ยวสัญญาไม่จ่ายสินไหมทดแทนกว่า 13 ล้านบาท ตั้งแต่กลางปี 50 แฉ พูดจากลับกลอกอ้างต้องสอบสวนเพิ่ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ยืนยันผลสอบชัดแล้วบังคับจ่ายได้ทันที ลั่น หากยังไม่คืบเตรียมร้องศาลปกครองฟัน “จนท.กรมฯ” อีกกระทงฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ (30 ม.ค.) นายไพรัตน์ จูศิริวงศ์ เจ้าของบริษัท กรีนเวิล์ด อิเลคทริค จำกัด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ฟ้องร้องเอาผิดบริษัทเจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) จำกัด กรณีไม่ยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 13,500,000 บาท ภายหลังสินค้าของบริษัทได้รับความเสียหายจากอุทกภัย โดยบริษัท เจนเนอราลี่ฯ ตกลงที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้บริษัทของตนตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.2550 พร้อมกับทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว
นายไพรัตน์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมการประกันภัยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้งกับบริษัทประกันภัยแล้วว่า สัญญาประนีประนอมดังกล่าวมีผลผูกพันแล้วตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850-852 ทำให้บริษัทประกันภัยไม่สามารถปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมได้ ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 มาตรา 36 ประกอบกับประกาศกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับเรื่องและหลักเกณฑ์วิธีการและระยะเวลาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่กำหนดให้ต้องจ่ายภายในไม่เกินกว่า 15 วัน นับแต่คู่กรณีตกลงกันได้ ซึ่งการที่บริษัทประกันภัยไม่ยอมจ่ายค่าสินไหมจะเห็นได้ว่าจงใจประวิงเวลาไม่จ่ายค่าสินไหมเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีโทษปรับตามกฎหมายด้วย
นายไพรัตน์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งให้คณะกรรมการพิจารณาเปรียบเทียบปรับดำเนินการต่อ และระบุด้วยว่า ผลการสอบชัดเจนแล้วไม่ต้องมีการสอบเพิ่มเติม แต่จนถึงขณะนี้ กรมประกันภัยยังไม่มีการสรุปเรื่องดังกล่าวออกมา ซึ่งที่ผ่านมาได้สอบถามไปยังกรมการประกันภัย แต่กรมการประภัยภัยกลับยืดเวลามาตลอด โดยอ้างว่าจะต้องทำการสอบสวนบริษัทประกันภัยเพิ่มเติม
ทั้งนี้ นายไพรัตน์ ตั้งข้อสังเกตว่า กรมการประกันภัยทำงานล่าช้า ปล่อยให้เวลาผ่านไปถึง 6 เดือน ไม่ยอมลงโทษบริษัทประกันภัย แล้วจึงแจ้งว่ามีการสอบสวนสอบเพิ่มเติมอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แจ้งว่า มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว สามารถวินิจฉัยได้ทันที ส่งผลให้บริษัทประกันภัยได้รับประโยชน์ ไม่ต้องจ่ายเงินให้ผู้บริโภคตามเวลา ทำให้บริษัทตนได้รับความเสียหาย
“ผมไม่ทราบว่า กรมการประกันภัยมีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีนี้อย่างไร เพราะขณะนี้เหมือนกับกรมการประกันภัยยืดเวลาเอื้อบริษัทประกันภัยอย่างน่าเกลียด ทั้งๆ ที่ดูจากข้อมูลทั้งหมดแล้วผมเป็นผู้เสียประโยชน์ และก่อนหน้านี้ ผลสรุปของเจ้าหน้าที่เองก็ระบุชัดเจนว่า บริษัท เจนเนอราลี่ฯ ประวิงเวลาจ่ายสินไหมทดแทนจริง แต่จนถึงขณะนี้ ผมยังไม่มั่นใจว่า กรมการประกันภัยจะเอาผิดบริษัทได้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่เสือกระดาษที่ประชาชนไม่สามารถพึ่งหรือขอความเป็นธรรมได้” นายไพรัตน์ กล่าว
นายไพรัตน์ กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องให้ผู้บริหารระดับสูงของกรมการประกันภัยได้เข้าไปตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่า เป็นไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่
“หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรมการประกันภัยจริง คงต้องดำเนินการขอความเป็นธรรมจากช่องทางอื่นต่อไป เช่น ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงการฟ้องเอาผิดแก่เจ้าหน้าที่รัฐ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย” นายไพรัตน์ กล่าว
วันนี้ (30 ม.ค.) นายไพรัตน์ จูศิริวงศ์ เจ้าของบริษัท กรีนเวิล์ด อิเลคทริค จำกัด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ฟ้องร้องเอาผิดบริษัทเจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) จำกัด กรณีไม่ยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 13,500,000 บาท ภายหลังสินค้าของบริษัทได้รับความเสียหายจากอุทกภัย โดยบริษัท เจนเนอราลี่ฯ ตกลงที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้บริษัทของตนตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.2550 พร้อมกับทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว
นายไพรัตน์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมการประกันภัยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้งกับบริษัทประกันภัยแล้วว่า สัญญาประนีประนอมดังกล่าวมีผลผูกพันแล้วตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850-852 ทำให้บริษัทประกันภัยไม่สามารถปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมได้ ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 มาตรา 36 ประกอบกับประกาศกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับเรื่องและหลักเกณฑ์วิธีการและระยะเวลาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่กำหนดให้ต้องจ่ายภายในไม่เกินกว่า 15 วัน นับแต่คู่กรณีตกลงกันได้ ซึ่งการที่บริษัทประกันภัยไม่ยอมจ่ายค่าสินไหมจะเห็นได้ว่าจงใจประวิงเวลาไม่จ่ายค่าสินไหมเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีโทษปรับตามกฎหมายด้วย
นายไพรัตน์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งให้คณะกรรมการพิจารณาเปรียบเทียบปรับดำเนินการต่อ และระบุด้วยว่า ผลการสอบชัดเจนแล้วไม่ต้องมีการสอบเพิ่มเติม แต่จนถึงขณะนี้ กรมประกันภัยยังไม่มีการสรุปเรื่องดังกล่าวออกมา ซึ่งที่ผ่านมาได้สอบถามไปยังกรมการประกันภัย แต่กรมการประภัยภัยกลับยืดเวลามาตลอด โดยอ้างว่าจะต้องทำการสอบสวนบริษัทประกันภัยเพิ่มเติม
ทั้งนี้ นายไพรัตน์ ตั้งข้อสังเกตว่า กรมการประกันภัยทำงานล่าช้า ปล่อยให้เวลาผ่านไปถึง 6 เดือน ไม่ยอมลงโทษบริษัทประกันภัย แล้วจึงแจ้งว่ามีการสอบสวนสอบเพิ่มเติมอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แจ้งว่า มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว สามารถวินิจฉัยได้ทันที ส่งผลให้บริษัทประกันภัยได้รับประโยชน์ ไม่ต้องจ่ายเงินให้ผู้บริโภคตามเวลา ทำให้บริษัทตนได้รับความเสียหาย
“ผมไม่ทราบว่า กรมการประกันภัยมีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีนี้อย่างไร เพราะขณะนี้เหมือนกับกรมการประกันภัยยืดเวลาเอื้อบริษัทประกันภัยอย่างน่าเกลียด ทั้งๆ ที่ดูจากข้อมูลทั้งหมดแล้วผมเป็นผู้เสียประโยชน์ และก่อนหน้านี้ ผลสรุปของเจ้าหน้าที่เองก็ระบุชัดเจนว่า บริษัท เจนเนอราลี่ฯ ประวิงเวลาจ่ายสินไหมทดแทนจริง แต่จนถึงขณะนี้ ผมยังไม่มั่นใจว่า กรมการประกันภัยจะเอาผิดบริษัทได้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่เสือกระดาษที่ประชาชนไม่สามารถพึ่งหรือขอความเป็นธรรมได้” นายไพรัตน์ กล่าว
นายไพรัตน์ กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องให้ผู้บริหารระดับสูงของกรมการประกันภัยได้เข้าไปตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่า เป็นไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่
“หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรมการประกันภัยจริง คงต้องดำเนินการขอความเป็นธรรมจากช่องทางอื่นต่อไป เช่น ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงการฟ้องเอาผิดแก่เจ้าหน้าที่รัฐ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย” นายไพรัตน์ กล่าว