พีแอนด์จี รุกเสริมขาธุรกิจซักล้างสู้ยูนิลีเวอร์ ปั้น ดาวน์นี่ ชน คอมฟอร์ท อัลตร้า หลังพบตลาด 4.7 พันล้านบาทโต ยันไม่ปรับราคาสินค้าปล่อยตามกลไกตลาด
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทต้องการเสริมสร้างขาธุรกิจกลุ่มซักล้างในเชิงรุกมากขึ้น จากปัจจุบันธุรกิจหลักเป็นกลุ่มความสวยความงามในสัดส่วน 75% ส่วนอีก 25% เป็นสินค้า ยิลเลตต์ ออรัลบี แฟ้บ เพค ล่าสุด ได้เปิดตัวน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่ สูตรเข้มข้น เพื่อเสริมสร้างขาธุรกิจกลุ่มซักล้างให้มีความแข็งแกร่ง จากเดิมมีสินค้าเฉพาะแต่กลุ่มผงซักฟอกแฟ้บ และเพค เท่านั้น และจากการเปิดตัวในครั้งนี้ ส่งผลให้พีแอนด์จีมีแบรนด์สินค้าทั้งหมดเป็น 20 แบรนด์
การเปิดตัวน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่ เนื่องจากภาวะตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยจากตัวเลขในปี 2549 มีมูลค่า 4,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 4,700 ล้านบาท ในปี 2550 หรือมีอัตราการเติบโต 17% และปีนี้คาดว่า เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก อีกทั้งอัตราการใช้โดยเฉลี่ยในกรุงเทพฯ 90% ส่วนต่างจังหวัด 70% นอกจากนี้ น้ำยาปรับผ้านุ่มส่วนใหญ่ เป็นเซกเมนต์เจือจางในสัดส่วนมากกว่า 90% และไม่ถึง 10% เป็นสูตรเข้มข้น ประกอบกับสูตรเข้มข้นมีผู้เล่นในตลาดเพียงรายเดียว คือ คอมฟอร์ท อัลตร้า ทำให้บริษัทเล็งเห็นศักยภาพที่จะดำเนินการตลาด
แนวทางการทำตลาดแบ่งเป็นบีโลว์เดอะไลน์ 30% และ อะโบฟเดอะไลน์ 70% โดยเน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์และการตระหนักรู้เกี่ยวกับแบรนด์ โดยผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ 2 เรื่อง และสื่อโฆษณารถไฟฟ้าบีทีเอส คอนเซปต์ “Walk-in Closet” เนรมิตขบวนรถไฟฟ้าเป็นตู้เสื้อผ้า เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์แก่ผู้บริโภคและกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลุ่มเป้าหมายน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่ คือ แม่บ้านยุคใหม่ มี 3 สูตร ได้แก่ สูตรกลิ่นหอมสดชื่นยามเช้า ขนาด 400 มล.ราคา 49 บาท เท่ากับคอมฟอร์ท ส่วนสูตรกลิ่นสกัดกุหลาบและวานิลลา ราคา 52 บาท และสูตรแอนตี้แบคทีเรีย 52 บาท สูงกว่าคอมฟอร์ท อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของผู้ที่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ปกติจะนิยมซื้อบรรจุภัณฑ์รีฟิล ทำให้ในอนาคตได้วางแผนเปิดตัวบรรจุภัณฑ์รีฟิล เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
จากการดำเนินกิจกรรมในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ภายใน 2 ปีนี้ สัดส่วนสูตรเข้มข้นจะเพิ่มเป็น 20% ส่วนสูตรเจือจาง 80% และคาดว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ อัตราการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกรุงเทพฯ สัดส่วน 100% ส่วนต่างจังหวัด 90-95% ทั้งนี้ ปัจจุบันคอมฟอร์ทเป็นผู้นำตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่ม ครองส่วนแบ่ง 35.7% ไฟน์ไลน์ 19.8% ไฮยีนส์ 13.4% ไฮคลาส 10.5% พัฟฟ์ 7.1% สำหรับเป้าหมายการทำตลาดดาวน์นี่ในช่วงแรกเน้นการสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคเป็นหลักก่อน
“กรณีที่ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องการขึ้นราคาหรือไม่นั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด และผลจากการที่บริษัทงัดกลยุทธ์ไซส์ซิ่ง ในกลุ่มแชมพู สามารถทำให้บริษัทขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ปรับไซส์ซิงสินค้าให้เหมือนกันทั่วรีจินัล” นายเมธี กล่าว
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทต้องการเสริมสร้างขาธุรกิจกลุ่มซักล้างในเชิงรุกมากขึ้น จากปัจจุบันธุรกิจหลักเป็นกลุ่มความสวยความงามในสัดส่วน 75% ส่วนอีก 25% เป็นสินค้า ยิลเลตต์ ออรัลบี แฟ้บ เพค ล่าสุด ได้เปิดตัวน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่ สูตรเข้มข้น เพื่อเสริมสร้างขาธุรกิจกลุ่มซักล้างให้มีความแข็งแกร่ง จากเดิมมีสินค้าเฉพาะแต่กลุ่มผงซักฟอกแฟ้บ และเพค เท่านั้น และจากการเปิดตัวในครั้งนี้ ส่งผลให้พีแอนด์จีมีแบรนด์สินค้าทั้งหมดเป็น 20 แบรนด์
การเปิดตัวน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่ เนื่องจากภาวะตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยจากตัวเลขในปี 2549 มีมูลค่า 4,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 4,700 ล้านบาท ในปี 2550 หรือมีอัตราการเติบโต 17% และปีนี้คาดว่า เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก อีกทั้งอัตราการใช้โดยเฉลี่ยในกรุงเทพฯ 90% ส่วนต่างจังหวัด 70% นอกจากนี้ น้ำยาปรับผ้านุ่มส่วนใหญ่ เป็นเซกเมนต์เจือจางในสัดส่วนมากกว่า 90% และไม่ถึง 10% เป็นสูตรเข้มข้น ประกอบกับสูตรเข้มข้นมีผู้เล่นในตลาดเพียงรายเดียว คือ คอมฟอร์ท อัลตร้า ทำให้บริษัทเล็งเห็นศักยภาพที่จะดำเนินการตลาด
แนวทางการทำตลาดแบ่งเป็นบีโลว์เดอะไลน์ 30% และ อะโบฟเดอะไลน์ 70% โดยเน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์และการตระหนักรู้เกี่ยวกับแบรนด์ โดยผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ 2 เรื่อง และสื่อโฆษณารถไฟฟ้าบีทีเอส คอนเซปต์ “Walk-in Closet” เนรมิตขบวนรถไฟฟ้าเป็นตู้เสื้อผ้า เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์แก่ผู้บริโภคและกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลุ่มเป้าหมายน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่ คือ แม่บ้านยุคใหม่ มี 3 สูตร ได้แก่ สูตรกลิ่นหอมสดชื่นยามเช้า ขนาด 400 มล.ราคา 49 บาท เท่ากับคอมฟอร์ท ส่วนสูตรกลิ่นสกัดกุหลาบและวานิลลา ราคา 52 บาท และสูตรแอนตี้แบคทีเรีย 52 บาท สูงกว่าคอมฟอร์ท อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของผู้ที่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ปกติจะนิยมซื้อบรรจุภัณฑ์รีฟิล ทำให้ในอนาคตได้วางแผนเปิดตัวบรรจุภัณฑ์รีฟิล เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
จากการดำเนินกิจกรรมในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ภายใน 2 ปีนี้ สัดส่วนสูตรเข้มข้นจะเพิ่มเป็น 20% ส่วนสูตรเจือจาง 80% และคาดว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ อัตราการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกรุงเทพฯ สัดส่วน 100% ส่วนต่างจังหวัด 90-95% ทั้งนี้ ปัจจุบันคอมฟอร์ทเป็นผู้นำตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่ม ครองส่วนแบ่ง 35.7% ไฟน์ไลน์ 19.8% ไฮยีนส์ 13.4% ไฮคลาส 10.5% พัฟฟ์ 7.1% สำหรับเป้าหมายการทำตลาดดาวน์นี่ในช่วงแรกเน้นการสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคเป็นหลักก่อน
“กรณีที่ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องการขึ้นราคาหรือไม่นั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด และผลจากการที่บริษัทงัดกลยุทธ์ไซส์ซิ่ง ในกลุ่มแชมพู สามารถทำให้บริษัทขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ปรับไซส์ซิงสินค้าให้เหมือนกันทั่วรีจินัล” นายเมธี กล่าว
