ก.พลังงานเช็คความคืบหน้าแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้ากฟผ. 4 แห่ง และเอกชนทั้งในไทยและลาวพบคืบหน้าส่วนใหญ่และเป็นไปตามแผนมั่นใจไร้ปัญหาป้อนไฟเข้าระบบได้ตามกำหนดทุกแห่ง
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วานนี้(9ม.ค.) การประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานที่มีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงานเป็นประธานได้รับทราบรายงานถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่จะป้อนเข้าระบบในอนาคตทั้งส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)และภาคเอกชนพบว่าส่วนใหญ่การก่อสร้างคืบหน้ากว่าแผนที่วางไว้
ทั้งนี้โรงไฟฟ้ากฟผ. 4 แห่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าจะนะก่อสร้างแล้ว 96.10% กำหนดป้อนไฟเข้าระบบมี.ค. 2551 พระนครใต้ชุดที่ 3 คืบ ก่อสร้างแล้ว 87.93% ป้อนเข้าระบบ มี.ค. 2552 บางปะกงชุดที่ 5 ที่คืบหน้าถึง 75.31% จากแผนวางไว้ที่ 40.05% กำหนดเข้าระบบ มี.ค. 2552 โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ คืบหน้า 16% กำหนดป้อนมี.ค. 2552
สำหรับโรงไฟฟ้าจากโครงการซื้อไฟเอกชนรายใหญ่หรือไอพีพี และลาว ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าของบริษัทกัลฟ์ เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น จำกัด ยูนิตที่ 2 คืบหน้า 99.50% กำหนดเข้าระบบมี.ค. 51 โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบริษัทราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด 2 หน่วยคืบหน้า 98.92% ป้อนระบบมี.ค. 2551 และมิ.ย. 2551 ส่วนซื้อไฟจากลาว โครงการน้ำเทิน 2 คืบหน้า 73.50% ป้อนระบบธ.ค. 2552 โครงการน้ำงึม2 คืบหน้า 43.42% ป้อนระบบมี.ค. 2554
“โครงการซื้อไฟจากลาวนั้นส่วนของน้ำเทิน 2 เกี่ยวกับงานวางสายส่ง 500 เควีจากมุกดาหาร ไปยังร้อยเอ็ด ก้าวหน้ารวม 61.62% ส่วนน้ำงึม 2 งานก่อสร้างสายส่งช่วงข้ามแม่น้ำโขง จ.หนองคายไปยังสายส่งอุดรธานี 3 อยู่ระหว่างการพิจารณาซองประกวดราคาคาดจะเริ่มก่อสร้างก.พ. 2551 ซึงทั้งหมดจะทำให้ระบบไฟฟ้าของไทยเป็นไปตามแผนที่วางไว้”นายทวารัฐกล่าว
สำหรับแหล่งก๊าซธรรมชาติที่จะรองรับการผลิตไฟฟ้าในประเทศโดยเฉพาะของ 4 โรงไฟฟ้ากฟผ.จากแหล่งอาทิตย์ และแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วมไทยมาเลเซียหรือเจดีเอ เดือนก.พ. 2551 แหล่งอาทิตย์จะป้อนระบบได้ระดับ 165 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะทยอยเต็มที่ระดับ 300 ล้านลบ.ฟุตต่อวันช่วงกลางเดือนมี.ค. 51 ขณะที่แหล่งเจดีเอ เอ 18 นั้นจะเข้าระบบมี.ค. 2551
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วานนี้(9ม.ค.) การประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานที่มีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงานเป็นประธานได้รับทราบรายงานถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่จะป้อนเข้าระบบในอนาคตทั้งส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)และภาคเอกชนพบว่าส่วนใหญ่การก่อสร้างคืบหน้ากว่าแผนที่วางไว้
ทั้งนี้โรงไฟฟ้ากฟผ. 4 แห่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าจะนะก่อสร้างแล้ว 96.10% กำหนดป้อนไฟเข้าระบบมี.ค. 2551 พระนครใต้ชุดที่ 3 คืบ ก่อสร้างแล้ว 87.93% ป้อนเข้าระบบ มี.ค. 2552 บางปะกงชุดที่ 5 ที่คืบหน้าถึง 75.31% จากแผนวางไว้ที่ 40.05% กำหนดเข้าระบบ มี.ค. 2552 โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ คืบหน้า 16% กำหนดป้อนมี.ค. 2552
สำหรับโรงไฟฟ้าจากโครงการซื้อไฟเอกชนรายใหญ่หรือไอพีพี และลาว ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าของบริษัทกัลฟ์ เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น จำกัด ยูนิตที่ 2 คืบหน้า 99.50% กำหนดเข้าระบบมี.ค. 51 โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบริษัทราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด 2 หน่วยคืบหน้า 98.92% ป้อนระบบมี.ค. 2551 และมิ.ย. 2551 ส่วนซื้อไฟจากลาว โครงการน้ำเทิน 2 คืบหน้า 73.50% ป้อนระบบธ.ค. 2552 โครงการน้ำงึม2 คืบหน้า 43.42% ป้อนระบบมี.ค. 2554
“โครงการซื้อไฟจากลาวนั้นส่วนของน้ำเทิน 2 เกี่ยวกับงานวางสายส่ง 500 เควีจากมุกดาหาร ไปยังร้อยเอ็ด ก้าวหน้ารวม 61.62% ส่วนน้ำงึม 2 งานก่อสร้างสายส่งช่วงข้ามแม่น้ำโขง จ.หนองคายไปยังสายส่งอุดรธานี 3 อยู่ระหว่างการพิจารณาซองประกวดราคาคาดจะเริ่มก่อสร้างก.พ. 2551 ซึงทั้งหมดจะทำให้ระบบไฟฟ้าของไทยเป็นไปตามแผนที่วางไว้”นายทวารัฐกล่าว
สำหรับแหล่งก๊าซธรรมชาติที่จะรองรับการผลิตไฟฟ้าในประเทศโดยเฉพาะของ 4 โรงไฟฟ้ากฟผ.จากแหล่งอาทิตย์ และแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วมไทยมาเลเซียหรือเจดีเอ เดือนก.พ. 2551 แหล่งอาทิตย์จะป้อนระบบได้ระดับ 165 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะทยอยเต็มที่ระดับ 300 ล้านลบ.ฟุตต่อวันช่วงกลางเดือนมี.ค. 51 ขณะที่แหล่งเจดีเอ เอ 18 นั้นจะเข้าระบบมี.ค. 2551
