ผู้จัดการรายวัน –เอ็กโกเบนเข็มลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ สบช่องเตรียมประมูลไอพีพีในเวียดนาม โดยสนใจสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 200 เมกะวัตต์และโรงไฟฟ้าพลังน้ำไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เกาะกง อ้างป้องกันความเสี่ยงด้านวัตถุดิบ โดยจะร่วมทุนกับ ITD ทำธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย หลังจากไม่ประสบความสำเร็จเมื่อหลายปีก่อน เผยงบลงทุนปีนี้เพียง 1.29 พันล้านบาท
นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด (มหาชน)(เอ็กโก) เปิดเผยทิศทางการลงทุนในปี 2551 ว่า ในปีนี้เอ็กโก กรุ๊ปจะเน้นการขยายการลงทุนไปยังโรงไฟฟ้าในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ซึ่งขณะนี้ทางเวียดนามจะมีการลงทุนประมูลสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่(ไอพีพี) โดยจะร่วมทุนกับพันธมิตรในการเข้าร่วมโครงการประมูลไอพีพีที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงขนาด 200 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 240 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งจะทำโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ทางตอนเหนือของเวียดนามด้วย ใช้เงินลงทุน 60 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมด้านการเงินอยู่แล้ว โดยหวังว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าในเวียดนามในช่วงปี 2555-2556
นอกเหนือจากโครงการในเวียดนามแล้ว ยังสนใจร่วมลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย เพื่อประกันความเสี่ยงด้านวัตถุดิบมีเพียงพอที่จะป้อนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เกาะกง 3,660 เมกะวัตต์ ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเอ็กโกได้ร่วมทุนกับบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ถือหุ้น 70% และกลุ่มอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD)30% โดยทางอิตาเลียนไทยฯ มีสัมปทานบางเหมืองในอินโดนีเซียแล้ว ซึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหินเกาะกงใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงปีละ 12 ล้านตัน/ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางเอ็กโกไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าไปทำธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียจนต้องถอนตัวออกมา
นอกจากนี้ ยังคงให้ความสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้านที่มีการขายไฟกลับเข้ามาไทย เช่น ลาว กัมพูชาและพม่า อาทิ โรงไฟฟ้าน้ำอูที่ลาว ขนาด 1,300 เมกะวัตต์ และจะเร่งต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ (PPA) กับกฟผ.ในส่วนโรงไฟฟ้าระยองและโรงไฟฟ้าขนอมที่จะหมดอายุลงในปี 2556 และปี 2558 ตามลำดับ
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้ที่ 1,294 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปี 2550 ที่ใช้เงินลงทุนรวม 10,311 ล้านบาท โดยปีที่แล้วส่วนใหญ่ใช้เงินซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีเกือบ 8 พันล้านบาท สำหรับปีนี้จะใช้เงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 จำนวน 903 ล้านบาทและโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 จำนวน 391 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิ คาดว่าจะโต 10% จากปีที่แล้วมีกำไรสุทธิ 8.4 พันล้านบาท เนื่องจากมีโครงการแก่งคอย 2 ระยะ 2 เข้ามา แม้ว่าบริษัทจะมีแผนหยุดซ่อมใหญ่โรงไฟฟ้าระยองในช่วงไตรมาส 3-4 และหยุดซ่อมโรงไฟฟ้าขนอมในช่วงไตรมาส 1-2 ปีนี้
นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด (มหาชน)(เอ็กโก) เปิดเผยทิศทางการลงทุนในปี 2551 ว่า ในปีนี้เอ็กโก กรุ๊ปจะเน้นการขยายการลงทุนไปยังโรงไฟฟ้าในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ซึ่งขณะนี้ทางเวียดนามจะมีการลงทุนประมูลสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่(ไอพีพี) โดยจะร่วมทุนกับพันธมิตรในการเข้าร่วมโครงการประมูลไอพีพีที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงขนาด 200 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 240 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งจะทำโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ทางตอนเหนือของเวียดนามด้วย ใช้เงินลงทุน 60 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมด้านการเงินอยู่แล้ว โดยหวังว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าในเวียดนามในช่วงปี 2555-2556
นอกเหนือจากโครงการในเวียดนามแล้ว ยังสนใจร่วมลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย เพื่อประกันความเสี่ยงด้านวัตถุดิบมีเพียงพอที่จะป้อนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เกาะกง 3,660 เมกะวัตต์ ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเอ็กโกได้ร่วมทุนกับบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ถือหุ้น 70% และกลุ่มอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD)30% โดยทางอิตาเลียนไทยฯ มีสัมปทานบางเหมืองในอินโดนีเซียแล้ว ซึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหินเกาะกงใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงปีละ 12 ล้านตัน/ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางเอ็กโกไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าไปทำธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียจนต้องถอนตัวออกมา
นอกจากนี้ ยังคงให้ความสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้านที่มีการขายไฟกลับเข้ามาไทย เช่น ลาว กัมพูชาและพม่า อาทิ โรงไฟฟ้าน้ำอูที่ลาว ขนาด 1,300 เมกะวัตต์ และจะเร่งต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ (PPA) กับกฟผ.ในส่วนโรงไฟฟ้าระยองและโรงไฟฟ้าขนอมที่จะหมดอายุลงในปี 2556 และปี 2558 ตามลำดับ
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้ที่ 1,294 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปี 2550 ที่ใช้เงินลงทุนรวม 10,311 ล้านบาท โดยปีที่แล้วส่วนใหญ่ใช้เงินซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีเกือบ 8 พันล้านบาท สำหรับปีนี้จะใช้เงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 จำนวน 903 ล้านบาทและโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 จำนวน 391 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิ คาดว่าจะโต 10% จากปีที่แล้วมีกำไรสุทธิ 8.4 พันล้านบาท เนื่องจากมีโครงการแก่งคอย 2 ระยะ 2 เข้ามา แม้ว่าบริษัทจะมีแผนหยุดซ่อมใหญ่โรงไฟฟ้าระยองในช่วงไตรมาส 3-4 และหยุดซ่อมโรงไฟฟ้าขนอมในช่วงไตรมาส 1-2 ปีนี้