ทางการฮ่องกงแถลงในช่วงย่างเข้าสู่วันศุกร์ (28 พ.ย.) ปรับเพิ่มตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตจากไฟไหม้ครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของนครแห่งนี้ เป็นอย่างน้อย 83 คน ขณะที่พนักงานดับเพลิงตระเวนตรวจตรากลุ่มอาคารพักอาศัยที่ถูกพระเพลิงเผาผลาญ เพื่อค้นหาผู้คนราว 300 คนที่ยังคงถูกระบุว่าสูญหายหาตัวไม่พบ
พนักงานดับเพลิงสามารถดับไฟส่วนใหญ่ที่แผ่ลามสร้างความเสียหายไปทั่ว หว่องฟุกคอร์ต กลุ่มอาคารที่พักอาศัยขนาดใหญ่แห่งนี้ ซึ่งอยู่ในเขตไท่โปทางเหนือของฮ่องกงได้แล้ว ถึงแม้ยังคงสามารถมองเห็นเปลวเพลิงในบางจุด หลังจากเวลาผ่านพ้นไปกว่า 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่อัคคีภัยเริ่มปะทุขึ้นมา
หว่องฟุกคอร์ต เป็นหนึ่งในคอมเพล็กซ์ที่พักอาศัยที่เป็นอาคารสูงในฮ่องกง ประกอบด้วยตึก 8 หลัง ซึ่งแต่ละหลังตั้งอยู่ใกล้กันมาก มีอพาร์ตเมนต์ทั้งหมด 2,000 ห้อง และผู้พักอาศัยกว่า 4,600 คน
ทางการเริ่มต้นสอบสวนถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอัคคีภัยที่สร้างความหายนะครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบระยะเวลาเกือบ 80 ปีของนครศูนย์กลางการเงินระดับโลกแห่งนี้ รวมทั้งเรื่องที่ผู้รับเหมาใช้นั่งร้านไม้ไผ่และตาข่ายพลาสติกคลุมอาคารโดยเป็นส่วนหนึ่งของการรีโนเวทกลุ่มอาคารเหล่านี้ครั้งใหญ่
รายงานระบุว่า ไฟเริ่มปะทุเมื่อบ่ายวันพุธ (26) จากนั่งร้านด้านนอกอาคารหลังหนึ่งที่มีความสูง 32 ชั้น ก่อนลามไปยังนั่งร้านที่ทำด้วยไม้ไผ่และตาข่ายพลาสติกคลุมอาคารที่ติดตั้งอยู่รอบนอกอาคาร และลามต่อไปยังอาคารอื่นๆ ท่ามกลางกระแสลมแรง
ในวันพฤหัสฯ (27 ) ตำรวจบุกค้นบริษัทเพรสทิจ คอนสตรักชัน แอนด์ เอ็นจิเนียริง ซึ่งสำนักข่าวเอพียืนยันว่า เป็นบริษัทที่รับผิดชอบการรีโนเวทหว่องฟุกคอร์ต โดยตำรวจยึดเอกสารหลายกล่องไว้เป็นหลักฐาน
เอลีน ชุง ผู้กำกับการตำรวจฮ่องกง แถลงว่า ตำรวจมีเหตุผลให้สงสัยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงซึ่งนำไปสู่อุบัติเหตุครั้งนี้ และทำให้ไฟลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ภาพจากวิดีโอเผยให้เห็นเปลวไฟโหมกระพือจากอาคารอย่างน้อย 2 หลังที่คลุมด้วยตาข่ายพลาสติกสีเขียวที่ใช้ในเวลาทำการก่อสร้าง รวมทั้งมีการติดตั้งนั่งร้านซึ่งทำด้วยไม้ไผ่
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 1,200 คน รวมทั้งอุปกรณ์ดับเพลิงและรถกู้ภัยรวมแล้วกว่า 300 คัน เข้าร่วมปฏิบัติการควบคุมเพลิง โดยเมื่อวันพฤหัสฯ สามารถดับไฟอาคาร 4 หลังจาก 7 หลังที่ไฟไหม้ ส่วนอีก 3 หลังควบคุมเพลิงได้แล้ว
ตำรวจเสริมว่า นอกจากตาข่ายพลาสติกที่ใช้คลุมอาคาร ซึ่งมีคุณสมบัติต่ำกว่ามาตรฐานการทนไฟแล้ว ยังพบว่า บริษัทที่รับผิดชอบการรีโนเวทใช้สไตโรโฟมซึ่งเป็นสารไวไฟ ซีลหน้าต่างบางส่วนในอาคารแห่งหนึ่งที่ไม่ถูกไฟไหม้
ตำรวจจับกุมผู้อำนวยการ 2 คน และที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมอีกคนของเพรสทิจ คอนสตรักชัน โดยต้องสงสัยว่ากระทำความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา จากอุบัติเหตุครั้งนี้
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า หว่องฟุกคอร์ตอยู่ระหว่างการโนเวตภายใต้สัญญาการดำเนินการ 1 ปี ในราคา 42 ล้านดอลลาร์
หน่วยงานปราบปรามการทุจริตของฮ่องกงเผยว่า ได้เริ่มสอบสวนข้อสงสัยว่า อาจมีการรับสินบนที่เกี่ยวข้องกับโครงการรีโนเวตอพาร์ตเมนต์คอมเพล็กซ์แห่งนี้
ผู้พักอาศัยในหว่องฟุกคอร์ตหลายคนวิจารณ์บนโซเชียลมีเดียว่า ความประมาทเลินเล่อและการพยายามลดต้นทุนเป็นสาเหตุที่ทำให้ไฟไหม้ และมีคลิปหนึ่งเป็นภาพคนงานก่อสร้างหลายคนสูบบุหรี่บนนั่งร้านไม้ไผ่ที่ล้อมรอบอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ระหว่างการรีโนเวต
อเล็กซ์ เว็บบ์ วิศวกรความปลอดภัยด้านอัคคีภัยของซีเอสไออาร์โอ อินฟราสตรักเจอร์ เทคโนโลยีส์ในออสเตรเลีย บอกว่า เหตุการณ์นี้น่าตกใจมากเนื่องจากปกติแล้วกฎหมายจะกำหนดให้อาคารแต่ละหลังต้องเว้นระยะห่างจากกันเพื่อป้องกันไฟลุกลามระหว่างอาคาร และวัสดุที่ตำรวจพบอาจอธิบายได้ว่า เหตุใดไฟจึงลุกลามรุนแรง
ทั้งนี้ นั่งร้านไม้ไผ่เป็นสิ่งที่ยังพบเห็นได้ทั่วไปในไซต์ก่อสร้างและการรีโนเวตอาคารในฮ่องกง แม้เมื่อต้นปีรัฐบาลประกาศจะเริ่มยุติการใช้อุปกรณ์นี้อย่างค่อยเป็นค่อยไปในโครงการของรัฐเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยก็ตาม
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุไฟไหม้ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในฮ่องกงนับจากปี 1948 ที่เกิดเหตุไฟไหม้คลังสินค้าและมีผู้เสียชีวิต 176 คน
จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เป้าหมายสำคัญอันดับแรกคือดับไฟและช่วยเหลือผู้พักอาศัยที่ติดอยู่ในตึกออกมา ตามด้วยการให้การสนับสนุนและฟื้นฟูผู้บาดเจ็บ และการสอบสวนอัคคีภัยครั้งนี้อย่างละเอียด
ที่ปักกิ่ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฮ่องกงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดับไฟและลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินให้น้อยที่สุด
(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี)


