xs
xsm
sm
md
lg

‘เซเลนสกี’ยังเหลืออะไรให้หวัง? สหรัฐฯ-รัสเซียเจรจากันเพื่อยุติสงครามยูเครน โดยมองข้ามทั้งเคียฟและยุโรปตามเคย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สเตฟาน วูลฟ์ และ เทตยานา มัลยาเรนโก


เพื่อนทหารช่วยกันแบกหีบศพของทหารยูเครนที่เสียชีวิตในแนวหน้า ระหว่างพิธีฝังศพซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฮอสโตเมล ของยูเครน เมื่อวันเสาร์ (22 พ.ย.) ที่ผ่านมา
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/11/us-russia-talks-again-bypass-kyiv-exposing-europes-weakness/)

US-Russia talks again bypass Kyiv, exposing Europe’s weakness
by Stefan Wolff and Tetyana Malyarenko
21/11/2025

ถ้าหากพวกพันธมิตรยุโรปของเคียฟเกิดอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาว่า ยูเครน และ เซเลนสกี กำลังกลายเป็นหัวข้อการรณรงค์เรียกร้องที่พ่ายแพ้ปราชัยเสียแล้ว ไม่ว่าในทางทหารหรือทางการเมือง พวกเขาก็อาจเลือกใช้วิธีการตัดขาดทุนและล่าถอย

การหวนกลับมาเดินหน้ากันใหม่อีกครั้ง ของการเจรจาอย่างลับๆ ที่มิได้เป็นความลับอะไรอีกต่อไปแล้วระหว่างทำเนียบเครมลินกับทำเนียบขาว ในเรื่องแผนการที่จะยุติสงครามในยูเครน ซึ่งเข้าข้างเอาอกเอาใจรัสเซียอย่างโจ๋งครึ่ม กำลังเป็นสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาสู่อารมณ์ความรู้สึกโดยทั่วไปซึ่งหดหู่มืดมนอยู่แล้วในกรุงเคียฟ ตลอดจนในหมู่บรรดาหุ้นส่วนฝ่ายตะวันตกซึ่งสนับสนุนยูเครนทั้งหลาย

ถึงแม้มีเรื่องร้ายๆ อยู่แล้ว อย่างเช่น ผลสะเทือนรุนแรงจากกรณีทุจริตคอร์รัปชั่นอันฉาวโฉ่กว้างขวางในหมู่ชนชั้นนำของยูเครน และเรื่องที่ความพยายามของสหภาพยุโรปในการจัดหาจัดส่งความช่วยเหลือทางการเพิ่มเพิ่มเติมให้แก่เคียฟยังคงประสบภาวะชะงักงัน แต่ก็ยังคงมีข่าวเกี่ยวกับแผนการที่กำลังคุยกันระหว่างมอสโกกับวอชิงตันบวกเพิ่มเข้ามาอีก โดยเฉพาะข่าวหลังสุดนี้เปรียบเสมือนพายุสุดโหดที่กำลังก่อตัวอย่างน่าหวาดหวั่น โดยมันอาจนำไปสู่ชัยชนะของมอสโกในการทำสงครามก้าวร้าวรุกรานของพวกเขาทีเดียว

อย่างไรก็ดี นี่ยังไม่ใช่เป็นบทสรุปที่วางเอาไว้ล่วงหน้าซึ่งถึงยังไงก็ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ แล้ว แม้ต้องยอมรับว่ายูเครนกำลังอยู่ในช่วงเวลาอันยากลำบากมากๆ ในแนวรบต่างๆ หลากหลายด้าน การเสียเมือง โปครอฟสก์ (Pokrovsk) เมืองศูนย์คมนาคมสำคัญในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน เวลานี้มันไม่ใช่เป็นคำถามว่าจะสูญเสียหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจะสูญเสียเมื่อใดต่างหาก รวมทั้งคำถามที่ว่าทั้งสองฝ่ายต้องสูญเสียกำลังทหารไปอีกมากน้อยขนาดไหนก่อนที่รัสเซียจะสามารถเข้ายึดเมืองซึ่งอยู่ในสภาพที่เหลือแต่กองปรักหักพังแห่งนี้ได้

รัสเซียยังเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นในพื้นที่แนวหน้า ทั้งบริเวณแคว้นซาโปริซเซีย (Zaporizhia) และรอบๆ แถบชายฝั่งของแคว้นเคียร์ซอน (Kherson) รวมทั้งมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เครมลินจะผลักดันความได้เปรียบของฝ่ายตนในเวลานี้ให้คืบหน้าต่อไปอีกด้วย โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าจะเกิดการสู้รบเพิ่มขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้งรอบๆ เมืองคาร์คิฟ (Kharkiv) เมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของยูเครน

จากสถานการณ์ในเวลานี้ สงครามที่สู้รบกันแบบสงครามพร่ากำลัง (war of attrition) คราวนี้ ทางฝ่ายรัสเซียกำลังได้เปรียบอย่างชัดเจน ทว่าเมื่อพิจารณาจากทัศนะมุมมองทางทหารอย่างเดียวล้วนๆ การสูญเสียเมืองโปครอฟสก์ หรือการที่รัสเซียบุกยึดดินแดนได้เพิ่มมากขึ้นในบริเวณอื่นๆ ล้วนแต่ยังไม่ได้หมายความถึงอันตรายที่ยูเครนจะพังครืนลงอยู่รอมร่อแล้ว

อย่างไรก็ดี สงครามนั้นไม่เคยเลยที่จะเป็นเรื่องของความพยายามทางการทหารอย่างเดียวล้วนๆ แต่มันยังต้องมีเจตนารมณ์ทางการเมืองและทรัพยากรต่างๆ ทางการเงินเข้ามาเกื้อหนุนชนิดขาดไม่ได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งที่ถือเป็นภัยคุกคามอันน่ากลัวยิ่งกว่า ต่อการดำรงคงอยู่ของความพยายามในการทำสงครามของยูเครน ก็คือเรื่องผลกระทบต่อเนื่องจากกรณีคอร์รัปชั่นฉาวโฉ่ ถึงแม้ว่าตรงนี้ก็เช่นกัน มันยังไม่ได้มีความแน่นอนอะไรทั้งนั้น

คุณสมบัติที่ถือเป็นลักษณะประจำตัวประการหนึ่งของกรณีอื้อฉาวทางการเมืองทั้งหลายในยูเครน ก็คือว่า ความยากลำบากในการคาดทายทำนายปฏิกิริยาที่จะออกมาจากสังคมวงกว้างของชาวยูเครน บางเหตุการณ์สามารถที่จะกลายเป็นชนวนทำให้เกิดการประท้วงขนาดใหญ่โตซึ่งนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดฟ้าพลิกคว่ำแผ่นดินถล่ม

นี่คือกรณีที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ซึ่งเรียกกันว่า การปฏิวัติจัตุรัสยูโรไมดาน (Euromaidan revolution) ในปี 2014 โดยที่การปฏิวัติคราวนั้นได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ต่อเนื่องตามมาเป็นสาย ตั้งแต่การที่มอสโกประกาศผนวกแหลมไครเมีย และการที่กองกำลังซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายรัสเซียเข้ายึดครองพื้นที่หลายๆ ส่วนของภูมิภาคดอนบาสในภาคตะวันออกของยูเครน ไปจนถึงการที่ทำเนียบเครมลินเปิดการรุกรานยูเครนอย่างเต็มขั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022

แต่สำหรับวิกฤตทางการเมืองครั้งอื่นๆ กลับผ่านพ้นไปโดยไม่ได้มีการลุกฮือของประชาชนอย่างใหญ่โตอะไร นี่ก็รวมถึงกรณีการปลด พลเอก วาเลอรี ซาลุซนี (Valerii Zaluzhnyi) นายทหารที่ได้รับความนิยมชมชื่นอย่างสูง ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพยูเครนในปี 2024 โดยที่ ซานุซนี ซึ่งถูกจับตามองอย่างกว้างขวางว่ามีความเป็นไปได้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าทาย โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอนาคต ได้ถูกส่งตัวไปเป็นเอกอัครราชทูตยูเครนประจำกรุงลอนดอน ในลักษณะเป็นการถูกเนรเทศกลายๆ ในเวลาต่อมา

เท่าที่ดำเนินมาจนถึงเวลานี้ กรณีทุจริตฉาวโฉ่ในปัจจุบันยังไม่ได้จุดประกายให้เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวางของผู้คนจำนวนมากในยูเครนแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้ทำให้เกิดการตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนรุนแรงมากจากพวกผู้นำยุโรป กระนั้นก็ตามที ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกบุคคลวงในของ เซเลนสกี ทุกๆ คนก็ว่าได้ ล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับการคอร์รัปชั่นคราวนี้กันทั้งนั้น ทั้งนี้เมื่อยึดเอาตามการแถลงเปิดเผยของสำนักข่าวต่อต้านการทุจริตแห่งชาติของยูเครน (ชื่อย่อที่นิยมเรียกกันของหน่วยงานแห่งนี่ คือ นาบู Nabu) ก็ยังคงบีบบังคับให้ประธานาธิบดีเซเลนสกี ต้องออกมาเปิดการตอบโต้และหาทางคลี่คลายปัญหานี้อย่างครอบคลุมรอบด้าน

ติมูร์ มินดิช (Timur Mindich) ผู้เป็นเพื่อนมิตรและหุ้นส่วนทางธุรกิจที่เก่าแก่ยาวนานของ เซเลนสกี ถูกเล่นงานลงโทษคว่ำบาตรอย่างรุนแรง หลังจากที่เขาสามารถหลบหนีออกไปจากยูเครนได้สำเร็จเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ Nabu เริ่มเดินหน้ากวาดจับผู้เกี่ยวข้องครั้งใหญ่ในวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ต่อจากนั้น ภายหลังกรณีอื้อฉาวล่าสุดนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางได้ราว 1 สัปดาห์ รัฐสภายูเครนยังได้ลงมติให้ปลด รัฐมนตรียุติธรรม เจอร์มัน กาลุซเชนโก (German Galushchenko) และรัฐมนตรีพลังงาน สวิตลานา ฮรีนชุค (Svitlana Hrynchuk) ซึ่งต่างมีส่วนพัวพันกับเรื่องฉาวครั้งนี้ ออกจากตำแหน่ง

เวลาเดียวกัน ตัว เซเลนสกี เองก็ออกเดินสายทัวร์ด่วนทางการทูตโดยแวะเยือนตามเมืองหลวงของหลายชาติยุโรปแบบรวบรัด ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับเพิ่มพูนความสนับสนุนให้แก่รัฐบาลและประเทศชาติที่เต็มไปด้วยความยากลำบากของเขา

เขาลงแรงพยายามจนสำเร็จเพื่อเปิดสายลำเลียงขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ โดยผ่านกรีซ ซึ่งน่าจะช่วยให้ยูเครนผ่านพ้นช่วงเวลาหลายเดือนอันยากลำบากของฤดูหนาวปีนี้ไปได้ นอกจากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงทางทหารครั้งใหญ่กับฝรั่งเศส ซึ่งในนั้นรวมถึงการที่ปารีสให้สัญญาว่าในระยะสั้นเฉพาะหน้าจะดำเนินการปรับปรุงยกระดับการป้องกันภัยทางอากาศให้แก่ยูเครน ขณะที่ในระยะยาวก็มีการให้คำมั่นที่จะจัดส่งเครื่องบินขับไล่จำนวน 100 ลำในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้ำไปให้เคียฟ

ถึงแม้สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญ แต่มันก็จัดอยู่ในประเภทมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้นเฉพาะหน้ามากกว่าจะสามารถกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมอะไรได้ อีกทั้งไม่จำเป็นว่ามาตรการเฉพาะหน้าเหล่านี้จะเป็นดีลที่ตกลงกันอย่างแน่นอนลงตัวแล้ว อันที่จริง สหภาพยุโรปและพวกชาติสมาชิกยังคงกำลังหลีกเลี่ยงไม่พูดความจริงเกี่ยวกับการหาเงินกู้ที่ยูเครนจำเป็นต้องได้รับอย่างเร่งด่วน ถ้าหากไม่ได้เงินกู้ก้อนนี้แล้ว เคียฟก็หมดเงินงบประมาณใช้จ่ายสำหรับจ่ายเงินเดือนให้พวกทหาร, ข้าราชการพลเรือน, และพวกผู้รับบำนาญของตนในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

ในเวลาเดียวกัน เซเลนสกี ยังกำลังเผชิญแรงบีบคั้นจากกลุ่มการเมืองภายในรัฐสภาของเขาเอง ที่ใช้ชื่อว่า กลุ่ม “ผู้รับใช้ประชาชน” (Servant of the People) ตัวเขานั้นวางแผนเอาไว้ว่าจะนำเสนอทริปทัวร์ยุโรปของเขาคราวนี้ให้แก่กลุ่มการเมืองนี้ ในฐานะที่เป็นเสียงลงมติไว้วางใจซึ่งเขาได้รับมาจากพวกชาติพันธมิตรตะวันตก ทว่าบางทีเขายังคงอาจจะต้องสังเวย อันดรี เยอร์มัค (Andrii Yermak) พันธมิตรที่สนิทสนมไว้วางใจของเขามายาวนาน ด้วยการขอให้เยอร์มัคยื่นใบลาออก เนื่องจากเขาถูกโยงใยพัวพันอยู่ในกรณีทุจริตฉาวโฉ่ล่าสุดด้วย

ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งที่มีอิทธิพลสูงมาก อย่างการเป็นปลัดสำนักงานประธานาธิบดี บางครั้ง เยอร์มัค ถูกมองถึงขั้นว่าเป็นผู้ปกครองในทางพฤตินัยของยูเครน การถอดเขาออกจากตำแหน่ง บางทีอาจจะสร้างความยินดีให้แก่พวกนักวิพากษ์วิจารณ์ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ขณะที่หาก เซเลนสกี เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น ก็จะไม่ถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณแสดงถึงความเข้มแข็งแต่อย่างใด

จากข้อเท็จจริงที่ว่า ตำแหน่งของพันธมิตรตัวหลักขนาดนี้ของเขา ต้องกลายเป็นเรื่องที่ถูกหยิบมาพิจารณาถกเถียงกันเช่นนี้ ย่อมเป็นสัญญาณอีกประการหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า อำนาจทางการเมืองของเซเลสกี บางทีจะอยู่ในระดับอ่อนแอจนอยู่รอดต่อไปได้ยากเสียแล้ว

สงครามพร่ากำลังในยูเครนปัจจุบัน ทำให้รัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบ (แผนที่ซึ่งจัดทำโดยสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม Institute for the Study of War หน่วยงานคลังสมองในสหรัฐฯ)
ก้าวที่จะต้องเดินต่อไป

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ยังคงมีสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดขาดหายไปอยู่ 3 สิ่ง ประการแรกเลยคือ แผนการสำหรับการสืบทอดอำนาจในยูเครน พวกนักการเมืองฝ่ายค้านอย่างเช่น อดีตประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก (Petro Poroshenko) และอดีตนายกรัฐมนตรี ยูเลีย ทิโมเชนโก (Yulia Tymoshenko) ปัจจุบันต่างกลายเป็นผู้ที่ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน สืบเนื่องจากความมัวหมองที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่นในช่วงที่พวกเขาขึ้นครองอำนาจ

เวลานี้ ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนใดๆ สำหรับการหาตัวผู้ที่จะเข้าแทนที่ เซเลนสกี หากเขายืนกรานปฏิเสธไม่ยอมก้าวลงจากตำแหน่ง และแม้กระทั่งว่าสามารถหาผู้ที่ขึ้นมาแทนที่เขาได้สำเร็จแล้ว คณะรัฐบาลผสมที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่โดยยึดโยงอยู่กับฐานเสียงของฝ่ายต่างๆ ในขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก็ไม่น่าที่จะค้นพบมนตราอัศจรรย์ใดๆ สำหรับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางทหารที่น่าเป็นห่วงของยูเครนให้กลับดีขึ้นมาได้

เรื่องที่สองซึ่งยังขาดหายไม่ทราบกันอย่างแน่นอนชัดเจน ได้แก่ ท่าทีของทำเนียบขาว และการทำข้อตกลงของพวกเขากับทำเนียบเครมลิน จากรายงานข่าวที่เผยแพร่ออกมาดูเหมือนว่าเวลานี้สหรัฐฯกับรัสเซียกำลังจัดทำแผนสันติภาพยูเครนที่มีเนื้อหารวม 28 ข้อ โดยที่มีแนวโน้มว่า แผนการนี้จะเรียกร้องให้ฝ่ายยูเครนต้องยินยอมอ่อนข้ออย่างสำคัญ ทั้งในเรื่องการสละดินแดน และการลดขนาดกองทัพของพวกเขาในอนาคต ทว่าในเวลาเดียวกันนี้ก็จะไม่ได้รับหลักประกันด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ทรงประสิทธิภาพใดๆ

ทางพวกรัฐมนตรีต่างประเทศของยุโรปที่มีการปรึกษาหารือกันอย่างรวดเร็ว ได้แสดงปฏิกิริยาอันว่องไวในการยืนกรานว่าแผนการสันติภาพใดๆ ก็ตามจำเป็นต้องได้รับการหนุนหลังจากฝ่ายยูเครนและฝ่ายยุโรปด้วย ทว่าความกระหายของพวกเขาในการต้านทานผลักไสแผนการเช่นนี้ให้ตกไปอาจจะกำลังอ่อนแรงเสียแล้ว ถ้าหากพวกพันธมิตรตะวันตกของเคียฟเกิดอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาว่า ยูเครน และ เซเลนสกี กำลังกลายเป็นหัวข้อการรณรงค์เรียกร้องที่พ่ายแพ้ปราชัยเสียแล้ว ไม่ว่าในทางทหารหรือทางการเมือง พวกเขาก็อาจเลือกใช้วิธีการตัดขาดทุนและล่าถอย

สิ่งที่บางทีเราอาจจะได้เห็นกันจากแนวโน้มเช่นนี้ก็คือ ประเทศเหล่านี้จะดำเนินการเพิ่มความแข็งขันให้แก่การป้องกันชาติของพวกเขาเอง และเข้าร่วมเอาด้วยกับแผนการที่สหรัฐฯหนุนหลัง ในการแลกเปลี่ยนดินแดนและอธิปไตยของยูเครน กับความคาดหวังซึ่งผอมเรียวบอบบางสุดๆ ว่ารัสเซียก็จะยอมรับการต่อรองเช่นนี้ด้วยดี

เรื่องสำคัญยิ่งที่ขาดหายยังไม่ทราบกันอย่างชัดเจนเลยเรื่องที่สาม ได้แก่ ปูติน จะยอมทำดีลกับทรัมป์แล้ว หรือยังจะลากยาวการเจรจาต่อรองและผลักดันข้อเรียกร้องตามความต้องการของตนต่อไปโดยไม่แยแสสนใจยูเครน ทั้งนี้ ประวัติความเป็นมาในอดีตของ ปูติน ซึ่งขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการใช้กลยุทธ์จงใจเตะถ่วงหรือทำให้เกิดการล่าช้า ย่อมเป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวเองอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น การที่โฆษกทำเนียบเครมลิน ดมิตริ เปสคอฟ (Dmitry Peskov) แถลงเอาไว้เมื่อเร็วๆ นี้ที่ว่าเขาไม่มีข่าวพัฒนาการใหม่ๆ ใดๆ จะประกาศให้ทราบในเรื่องเกี่ยวกับแผนการสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นมาได้ นี่ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างแข็งแรงว่าแบบแผนวิธีการของเครมลินยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งถ้าหาก ปูติน เกิดเอนโอนมาในทางที่จะทำข้อตกลง มันก็ยากที่จะสร้างความสบายบใจใดๆ ให้แก่เคียฟและบรัสเซลส์

อันตรายสำหรับเคียฟและพวกหุ้นส่วนยุโรปของยูเครนก็คือว่า การเที่ยวพูดจาว่ายูเครนกำลังจะพังครืนทั้งทางการเมืองและทางทหารนั้น จะกลายเป็นวาจาคำทำนายซึ่งคอยหล่อเลี้ยงทำให้มันกลายเป็นความจริงขึ้นมาจนได้ในท้ายที่สุด ผลพวงต่อเนื่องจากการนี้ ซึ่งได้แก่การที่เคียฟสยบยืนยอมตามคำบงการเรื่องสันติภาพของฝายรัสเซีย จะต้องถือเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากความไร้สมรรถภาพของการเมืองภายในประเทศของยูเครนเอง และความไม่เอาไหนของแรงสนับสนุนของฝ่ายตะวันตก พอ ๆ กับที่เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันใดๆ ก็ตามระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน

สเตฟาน วูลฟ์ เป็นศาสตราจารย์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ อยู่ที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม, สหราชอาณาจักร ส่วน เทตยานา มัลยาเรนโก เป็นศาสตราจารย์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ และศาสตราจารย์ฌองโมเนต์ ด้านความมั่นคงยุโรป (Jean Monnet professor of European security) ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสถาบันวิชาการกฎหมายโอเดสซา (National University Odesa Law Academy) , ยูเครน

ข้อเขียนนี้มาจากเว็บไซต์ เดอะ คอนเวอร์เซชั่น https://theconversation.com/ โดยสามารถติดตามอ่านข้อเขียนดั้งเดิมชิ้นนี้ได้ที่ https://theconversation.com/ukraine-and-europes-weakness-exposed-as-us-and-russia-again-negotiate-behind-kyivs-back-270104
กำลังโหลดความคิดเห็น