สื่อดังหลายสำนักรายงานในวันพุธ (19 พ.ย.) ว่า คณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังพยายามผ่าทางตันในสงครามยูเครน ด้วยการผลักดันแผนสันติภาพ 28 ข้อ ซึ่งรวมถึงข้อเสนอให้เคียฟต้องยอมยกดินแดนบางส่วนให้รัสเซีย ลดกำลังพลลงกว่าครึ่งเหลือ 400,000 นาย และเพิกถอนอาวุธพิสัยไกลทั้งหมด ปรากฏว่าหลังจากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ทางด้านเครมลินแสดงท่าทีไม่ค่อยให้ความสำคัญกับข่าวนี้ ขณะที่พวกชาติยุโรปคัดค้านหัวชนฝา เรียกร้องให้ยูเครนและยุโรปต้องมีส่วนร่วมในการร่างแผนสันติภาพ
“แอ็กซิออส” สื่อออนไลน์ชื่อดังของสหรัฐฯรายงานข่าวนี้ก่อนใครเพื่อน ระบุว่า มอสโกกับวอชิงตันได้ทำงานร่วมกันในเรื่องแผนการลับเพื่อยุติสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมาเกือบ 4 ปีแล้ว
ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของยูเครนซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม ยืนยันว่า ทางเคียฟได้รับข้อเสนอสันติภาพฉบับใหม่จากสหรัฐฯ ซึ่งเรียกร้องให้ยูเครนต้องยอมสละดินแดนทั้งแหลมไครเมียและพื้นที่อื่นๆ ที่รัสเซียชิงไปได้ รวมทั้งลดขนาดกองทัพลงมากว่าครึ่งหนึ่งให้เหลือกำลังพลเพียง 400,000 คน ตลอดจนยกเลิกเพิกถอนพวกอาวุธพิสัยไกลที่มีอยู่ทั้งหมด ทว่าเจ้าหน้าที่ยูเครนผู้นี้แสดงความกังขาว่า เคียฟไม่แน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นข้อเสนอของทรัมป์ หรือของพวกผู้ติดตามทรัมป์กันแน่ รวมทั้งไม่มีความชัดเจนว่ามีการเรียกร้องใหฝ่ายรัสเซียทำอะไรบ้างเพื่อเป็นการตอบแทน
สำหรับ เอ็นบีซีนิวส์ หรือก็คือฝ่ายข่าวของเอ็นบีซี เครือข่ายโทรทัศน์ชื่อก้องในสหรัฐฯ อ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารทรัมป์ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ อนุมัติแผนการ 28 ข้อเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนแล้ว หลังจากทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะบริหาร อาทิ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนของทรัมป์ รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ และมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ซุ่มหารือกับ คิริลล์ ดมิเทรียฟ ผู้แทนของรัสเซีย และเจ้าหน้าที่ยูเครนมาตลอดหลายสัปดาห์
เจ้าหน้าที่คนเดิมเพิ่มเติมว่า แผนการดังกล่าวมุ่งเน้นการรับประกันความมั่นคงแก่ทั้งสองฝ่ายเพื่อบรรลุสันติภาพระยะยาว
กระนั้น เอ็นบีซีนิวส์อ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 3 คนที่เปิดเผยว่า ยังต้องมีการนำเสนอกรอบโครงข้อตกลงสันติภาพนี้ให้ยูเครนพิจารณา และกำหนดเวลาในการจัดทำร่างแผนการนี้ในขั้นสุดท้ายจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเยือนยูเครนของผู้แทนกองทัพสหรัฐฯ ที่ประกอบด้วยแดน ดริสคอลล์ รัฐมนตรีทบวงทหารบก และพลเอกแรนดี้ จอร์จ เสนาธิการทหารบก ตลอดจนคนอื่นๆ
ขณะที่ร รูบิโอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า วอชิงตันยังคงพัฒนาแนวคิดที่เป็นไปได้ต่างๆ เพื่อยุติสงครามยูเครนโดยอิงกับความคิดเห็นของทั้งเคียฟและมอสโก
ทางด้าน เจ้าหน้าที่อเมริกัน ยุโรป และแหล่งข่าวในรัฐบาลยูเครนเปิดเผยตรงกันว่า คณะผู้แทนของอเมริกานำโดยรัฐมนตรีทบวงทหารบก เดินทางถึงเคียฟเมื่อเช้าวันพุธ (19 พ.ย.) โดยมีสองภารกิจที่ต้องหารือกับยูเครนคือ ยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีการทหาร และการฟื้นกระบวนการสันติภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้ดูเหมือนว่า ความพยายามในการฟื้นการเจรจาข้อตกลงสันติภาพของอเมริกา เริ่มกลับมีความคืบหน้า ทว่า ฝ่ายเครมลินยังคงไม่มีทีท่าว่า จะยอมเปลี่ยนเงื่อนไขในการยุติสงคราม
ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน เมื่อถูกพวกผู้สื่อข่าวสอบถามในวันพฤหัสบดี (20) ได้แสดงท่าทีพยายามลดทอนความสำคัญของรายงานข่าวที่อเมริกากำลังผลักดันแผนสันติภาพ 28 ข้อ โดยเขากล่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ เกี่ยวกับการตกลงสันติภาพ และรัสเซียไม่มีแผนพบกับดริสคอลล์หลังจากรัฐมนตรีทบวงทหารบกของสหรัฐฯ ผู้นี้สิ้นสุดการเจรจาในเคียฟ
เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ คนหนึ่งเผยว่า ดริสคอลล์ได้รับการบรรยายสรุปเกี่ยวกับแผนสันติภาพ 28 ข้อ แต่ยืนยันว่า แผนการนี้ไม่ใช่เป้าหมายหลักในการหารือของเขาที่เคียฟ
ในส่วนยูเครนนั้น แหล่งข่าวสองคนเผยว่า เคียฟได้รับแจ้งกรอบโครงกว้างๆ เท่านั้น แต่ไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดแผนการสันติภาพที่อเมริกาเสนอแต่อย่างใด
ถ้าหากสหรัฐฯมีการผลักดันแผนสันติภาพ 28 ข้ออย่างจริงจังแล้ว ย่อมถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญสำหรับเคียฟที่กำลังถูกกองทัพรัสเซียรุกคืบยึดดินแดนเพิ่มทางตะวันออกของประเทศ ในเวลาเดียวกับที่ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครนเอง ก็กำลังต้องรับมือกับความปั่นป่วนภายในประเทศ สืบเนื่องจากคดีทุจริตอื้อฉาวที่มีคนใกล้ชิดของเขาพัวพันเกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งระบุว่า ทรัมป์แสดงออกชัดเจนว่า ถึงเวลาแล้วที่จะหยุดการเข่นฆ่ากัน และทำสัญญายุติสงคราม ผู้นำสหรัฐฯ ยังเชื่อว่า มีโอกาสที่จะยุติสงครามที่ไร้เหตุผลนี้ถ้าทั้งสองฝ่ายยอมอะลุ่มอล่วย
ทางด้านเซเลนสกี้ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องกรอบโครงข้อตกลงสันติภาพของวอชิงตัน แต่แสดงความคิดเห็นผ่านเทเลแกรมโดยเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ ช่วยทำให้สงครามที่ดำเนินมากว่า 3 ปีครึ่งยุติลง โดยย้ำว่า มีเพียงอเมริกาและทรัมป์เท่านั้นที่สามารถทำได้
ต่อมาในวันพฤหัสฯ (20) คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า บรัสเซลส์ยกย่องความพยายามในการยุติสงคราม ทว่า เคียฟและยุโรปต้องมีส่วนร่วมในแผนการสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืน และสำทับด้วยการยืนยันท่าทีเดิมๆ ของเธอที่ว่า ถ้ารัสเซียต้องการสันติภาพก็ควรตกลงหยุดยิงโดยปราศจากเงื่อนไขเป็นอันดับแรก
ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ขานรับว่า สันติภาพในยูเครนต้องไม่ใช่หมายถึงการยอมจำนนของเคียฟ
(ที่มา: เอ็นบีซี/เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอพี)


