รัสเซียส่งโดรนและขีปนาวุธนับร้อยถล่มยูเครนเป็นคืนที่สองติดต่อกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คนในเคียฟ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และรัสเซียหารือกัน “ตรงไปตรงมา” เกือบชั่วโมงระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียนที่มาเลเซียในวันพฤหัสฯ (10 ก.ค.)
กองทัพอากาศยูเครนแถลงเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า รัสเซียส่งโดรนและขีปนาวุธรวม 415 ชุดโจมตียูเครนตลอดคืนวันพุธ (9 ก.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 16 คนในเคียฟ
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่า การโจมตีดังกล่าวพุ่งเป้าหมายไปที่พวกที่ตั้งอุตสาหรรมการทหารและฐานทัพอากาศในเมืองหลวงของยูเครน
นอกจากนั้นยังมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คนในแคว้นเคียร์ซอนทางใต้ของยูเครน และผู้เสียชีวิต 1 คนในแคว้นเบลโกร็อดของรัสเซียหลังถูกยูเครนโจมตี
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อคืนวันอังคาร (8) รัสเซียส่งโดรนระยะไกลและขีปนาวุธรวม 741 ชุดถล่มยูเครน ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบกว่าสามปีที่มอสโกยกทัพบุกประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้
การระดมโจมตีหนักหน่วงขึ้นของรัสเซียมีเป้าหมายในการเพิ่มความกดดันต่อระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนที่อยู่ในสภาพตึงตัวมากอยู่แล้ว และทำให้พลเรือนยูเครนยิ่งอ่อนล้า
ขณะเดียวกัน การเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียกับยูเครน 2 รอบในปีนี้ทำได้แค่แลกเปลี่ยนเชลยสงครามระหว่างกันเท่านั้น แต่ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงตามที่อเมริกาและยูเครนเสนอ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจวลาดิมีร์ ปูติน ชัดเจนขึ้น โดยกล่าวหาด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า ผู้นำรัสเซียพยายามทำให้สงครามในยูเครนยืดเยื้อโดยไม่จำเป็น และเมื่อต้นสัปดาห์ ทรัมป์ยังประกาศจัดส่งอาวุธเพิ่มเพื่อให้ยูเครนป้องกันตนเอง ซึ่งถือเป็นการ “หักหน้า” กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ที่แถลงก่อนหน้านั้นว่า เนื่องจากสหรัฐฯเองประสบปัญหาอาวุธบางชนิดร่อยหรอ ไม่เพียงพอแก่การเตรียมพร้อมทางการทหาร จึงต้องระงับการจัดส่งอาวุธบางอย่างไปยังยูเครนเอาไว้ก่อน
ทางด้าน ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันพฤหัสฯ ว่า เขาไม่คิดว่า กระบวนการสันติภาพในยูเครนชะงักงันจากคำพูดของทรัมป์และการที่อเมริกากลับมาจัดหาอาวุธให้เคียฟ เขาบอกด้วยว่า คำพูดจาของทรัมป์อยู่ในสไตล์เกรี้ยวกร้าวรุนแรง แต่ทางรัสเซียปฏิบัติตอบโต้ด้วยความใจเย็นสุขุม
เปสคอฟยังบอกอีกว่า รัสเซียรอสัญญาณจากยูเครนว่า จะเจรจารอบที่สามกันอีกหรือไม่ และย้ำว่า มอสโกต้องการบรรลุข้อตกลงสันติภาพผ่านกระบวนการทางการเมืองและการทูต แต่ตราบที่สิ่งนี้ยังไม่เกิดขึ้น การปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนจะดำเนินต่อไป และทิ้งท้ายว่า สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงทุกวัน
รูบิโอเจรจาลาฟรอฟ
ช่วงเย็นวันพฤหัสฯ หลังจากร่วมประชุมกับสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กัวลาลัมเปอร์ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พบปะเป็นเวลา 50 นาทีกับเซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ในการหารือข้างเคียงการประชุมของอาเซียน
รูบิโอ กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวภายหลังการพบปะว่า “เป็นการสนทนาที่ตรงไปตรงมา เป็นการสนทนาที่สำคัญ” และระบุว่า เขาได้แจ้งให้ลาฟรอฟทราบถึงสิ่งที่ทรัมป์ได้กล่าวในที่สาธารณะแล้ว ว่า สหรัฐฯหงุดหงิดผิดหวังที่ไม่มีความคืบหน้ามากกว่านี้ในการยุติสงครามในยูเครน โดยที่ฝ่ายรัสเซียไม่ได้มีความยืดหยุ่นให้มากขึ้นเพื่อที่จะไปสู่การยุติการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯบอกด้วยว่า ระหว่างการพบปะครั้งนี้ เขากับลาฟรอฟ ได้แลกเปลี่ยน “ไอเดียใหม่ๆ “ ว่าด้วยยูเครน
“มันไม่ใช่วิธีการใหม่ๆ ในการเข้าถึงปัญหา มันเป็นไอเดียใหม่ๆ หรือเป็นแนวความคิดใหม่ๆ ที่ผมจะนำไปรายงานประธานาธิบดี (ทรัมป์) เพื่อหารือกัน” รูบิโอ กล่าวพร้อมกับเตือนว่ามันยังไม่ใช่อะไร “ที่จะนำไปสู่สันติภาพอย่างอัตโนมัติแต่มันมีศักยภาพที่สามารถเปิดประตูไปสู่เส้นทางหนึ่ง”
“เราจำเป็นต้องพิจารณาดูโรดแมปสำหรับการเดินต่อไปข้างหน้า เกี่ยวกับเรื่องที่การสู้รบขัดแย้งจะสามารถไปสู่จุดสรุปได้ยังไง”
รูบิโอและลาฟรอฟพบปะกันแบบเจอะเจอหน้ากันคราวนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยทั้งคู่ได้หารือกันครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ที่ซาอุดีอาระเบีย ภายหลังจากที่ทรัมป์กับปูตินกลับมาปรองดองกัน นอกจากนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศของสองชาติยังหารือทางโทรศัพท์กันหลายครั้ง
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)