รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณารับรองแคว้นไครเมียของยูเครน ในฐานะดินแดนของรัสเซีย ส่วนหนึ่งในข้อตลงใดๆ ในอนาคต สำหรับยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟ ตามรายงานของเซมาฟอร์ เว็บไซต์ข่าวอเมริกา อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดในประเด็นนี้
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับเว็บไซต์ข่าวเซมาฟอร์ เผยด้วยว่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลยังพูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเรียกร้องให้สหประชาชาติดำเนินการอย่างเดียวกัน ทั้งนี้คำร้องขอดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลของทรัมป์ มีจุดยืนแบบเดียวกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่มองไครเมียมาช้านานว่าเป็นดินแดนของมอสโก
รายงานข่าวนี้ปรากฏออกมาในขณะที่ ทรัมป์ เตรียมพูดคุยทางโทรศัพท์กับ ปูติน ในวันอังคาร (18 มี.ค.) ท่ามกลางความคาดหมายว่าทั้ง 2 ฝ่ายอาจมีการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 30 วัน ในขณะที่ ทรัมป์ เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวบนเที่ยวบินแอร์ฟอร์ซวัน ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) ว่าคณะผู้แทนเจรจาได้มีการหารือเกี่ยวกับการแบ่งสินทรัพย์บางอย่างแล้ว
อย่างไรก็ตาม เซมาฟอร์ เน้นย้ำว่า ทรัมป์ ยังไม่ตัดสินใจอย่างเป็นทางการใดๆ และความเป็นไปได้ที่จะให้การรับรองไครเมียในฐานะดินแดนของรัสเซีย เป็นหนึ่งในหลายทางเลือกที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ในขณะที่รัฐบาลของเขาพยายามผลักดันยุติสงคราม
ทำเนียบขาวปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ และในถ้อยแถลงถึงเว็บไซต์ข่าวเซมาฟอร์ ตามหลังการเผยแพร่รายงานข่าวดังกล่าว ทาง ไบรอัน ฮิวจ์ส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ชี้แจงว่า "รัฐบาลไม่ได้มีคำสัญญาในเรื่องดังกล่าว และเราจะไม่เจรจาต่อรองข้อตกลงนี้ผ่านสื่อมวลชน"
"เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทั้งยูเครนและรัสเซียยังอยู่ห่างไกลจากข้อตกลงหยุดยิงอยู่เลย แต่ตอนนี้เราขยับเข้าใกล้ข้อตกลงหนึ่งๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีทรัมป์ เป้าหมายยังคงเหมือนเดิม หยุดเข่นฆ่าและหาทางออกอย่างสันติในความขัดแย้งนี้" ฮิวจ์สกล่าวต่อ
รัฐบาลทรัมป์ ออกมาพูดอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความจำเป็นต้องยูเครนต้องสละดินแดนให้รัสเซีย เพื่อทำให้สงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปียุติลง ในขณะที่ตัวประธานาธิบดีเองเคยพูดในอดีตว่าเขามองไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทว่านับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง คณะที่ปรึกษาของเขาหลีกเลี่ยงที่จะระบุอย่างเจาะจงว่าสิ่งที่พวกเขาเสนอให้ปูตินนั้นคืออะไร
ความพยายามผลักดันของสหรัฐฯ ในการให้การรับรองแคว้นไครเมีย เป็นดินแดนของรัสเซียอย่างเป็นทางการ มีความเป็นไปได้ว่าจะเรียกเสียงโวยวายอย่างดุเดือดมาจากยุโรป เช่นเดียวกับเคียฟ ในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการยอมสละดินแดนใดๆ
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ยูเครน และส่วนใหญ่ของประชาคมนานาชาติ รับรองแคว้นไครเมีย ในฐานะเป็นดินแดนของยูเครน แม้รัสเซียรุกรานยึดครองและผนวกแหลมแห่งนี้อย่างผิดกฎหมายมาจากยูเครนในปี 2014
พวกผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแสดงความสงสัยอย่างมากต่อศักยภาพของกองทัพยูเครนในการทวงคืนแคว้นไครเมียผ่านปฏิบัติการทางทหาร และกระทั่งตัวของเซเลนสกีเอง ก็เคยยอมรับเมื่อปีที่แล้วว่า ดินแดนแห่งนี้อาจกลับคืนสู่ยูเครนได้โดยผ่านการเจรจาเท่านั้น บางอย่างที่ดูเหมือนว่ารัสเซียคงไม่เอาด้วย
ทรัมป์ เคยหยิบยกแนวโน้มความเป็นไปได้ในการรับรองแคว้นไครเมีย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัสเซีย ก่อนรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ และระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 และระหว่างดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก ทรัมป์ เคยพูดซ้ำๆ ว่า "เขากำลังมองดูว่าสหรัฐฯ จะเคลื่อนไหวให้การรับรองหรือไม่"
(ที่มา : เซมาฟอร์)