“เซเลนสกี้” สั่งลงโทษคว่ำบาตรผู้ร่วมงานและอดีตหุ้นส่วนธุรกิจของเขา ที่กลายเป็นตัวการใหญ่ในคดีคอร์รัปชันสุดอื้อฉาวซึ่งมีการ ยักยอกเงินถึง 100 ล้านดอลลาร์จากอุตสาหกรรมพลังงาน หลังจากได้บีบบังคับให้รัฐมนตรีพลังงานละรัฐมนตรียุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ลาออกแล้ว
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน กำลังพยายามพาตัวเองออกห่างจากบรรดาพันธมิตรที่พัวพันในคดีอื้อฉาวนี้ โดยเมื่อวันพฤหัสฯ (13 พ.ย.) สำนักงานประธานาธิบดีได้ออกคำสั่งลงโทษคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเป็นพิเศษกับ ทิมูร์ มินดิช และนักธุรกิจอีกคนหนึ่งที่ชื่อ โอเลคซานดร์ ทซูเคอร์มานน์ โดยการแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจพเศษนี้ครอบคลุมถึงการอายัดทรัพย์สิน การเรียกคืนรางวัลที่รัฐบาลเคยมอบให้ และการจำกัดการเดินทางเข้าออกยูเครน ตลอดจนการทำธุรกิจ บุคคลทั้ง 2 นี้ต่างเป็นพลเมืองของอิสราเอลด้วย และมีรายงานว่าได้หลบหนีออกจากยูเครนไปแล้ว
เจ้าหน้าที่สอบสวนระบุว่า มินดิชเป็นตัวการสำคัญที่สุดในแผนการยักยอกเงิน 100 ล้านดอลลาร์จากอุตสาหกรรมพลังงานยูเครน ซึ่งอยู่ในสภาพบอบช้ำอยู่แล้วจากการถล่มโจมตีอย่างหนักของกองทัพรัสเซีย
มินดิชนั้นเป็นเจ้าของร่วมของ เควาร์ทัล 95 บริษัทโปรดักชันที่ก่อตั้งโดยเซเลนสกี้ และเป็นผู้ผลิตซิตคอมยอดนิยมที่สร้างชื่อให้เซเลนสกี้ในฐานะนักแสดงตลก ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นเส้นทางการเมืองด้วยการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2019
หน่วยงานป้องกันชายแดนเผยว่า มินดิชหลบหนีออกจากยูเครนก่อนที่จะมีการประกาศข้อกล่าวหาไม่นาน
ก่อนหน้านี้ คือในวันอังคาร (11) เซเลนสกี้เรียกร้องให้ เจอร์แมน กาลุชเชนโก รัฐมนตรียุติธรรมที่ถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนกล่าวหาว่า รับผลประโยชน์ส่วนตัวในคดีทุจริตโครงการพลังงานนี้ รวมทั้ง สวิตลานา กรินชุค รัฐมนตรีพลังงาน ลาออก
เซเลนสกี้กล่าวว่า การที่ยังมีการทุจริตในภาคพลังงานทั้งที่คนยูเครนต้องเจอไฟดับอยู่ทุกวันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน นายกรัฐมนตรียูเลีย สวีรีเดนโก แถลงว่า รัฐมนตรีทั้งคู่ยื่นจดหมายลาออก และประกาศในเวลาต่อมาว่า รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อปลดเจ้าหน้าที่ใน เอเนอร์โกอะตอม ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของรัฐบาลยูเครน โดยผู้ที่ถูกปลดก็รวมถึงรองประธาน ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและฝ่ายกฎหมาย และเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายจัดซื้อ
คดีทุจริตอื้อฉาวนี้สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ชาวยูเครนที่ต้องเผชิญการขาดแคลนกระแสไฟฟ้าและความร้อนบ่อยครั้งจากการระดมทิ้งระเบิดของรัสเซีย
เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์นี้ที่หน่วยงานปราบปรามการทุจริตของยูเครนควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 5 คน และเผยว่า ผู้ต้องสงสัย 2 คนหลบหนีไปได้ ซึ่งบุคคลทั้งหมดนี้ถูกสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับแผนการเข้าควบคุมการจัดซื้อของเอเนอร์โกอะตอมที่เป็นผู้ให้บริการไฟฟ้าสำคัญที่สุดในประเทศ และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ
คดีอื้อฉาวนี้เป็นบททดสอบสำคัญสำหรับเซเลนสกี้ที่ถูกกล่าวหาว่า รวบอำนาจและพยายามปิดปากฝ่ายตรงข้ามหลังจากรัสเซียบุกยูเครนเมื่อต้นปี 2022
ต้นปีนี้ ชาวยูเครนจำนวนมาก รวมทั้งสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเคียฟ ได้แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับความพยายามของเซเลนสกี้ที่เข้าแทรกแซงหน่วยงานต่อต้านการทุจริตสองแห่งที่กำลังสอบสวนและดำเนินคดีการทุจริตในภาคพลังงาน
ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการจัดการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ยังถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับที่อียูจะพิจารณารับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก โดยหากเคียฟได้เข้าร่วมในสหภาพยุโรปก็จะเป็นโอกาสอันดีในการรอดพ้นจากอิทธิพลของรัสเซีย
คดีคอร์รัปชันครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงสงครามของยูเครนครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่กองทัพเคียฟเป็นรองรัสเซียทั้งด้านกำลังพลและอาวุธ
ตัวเซเลนสกี้เองบอกในวันพฤหัสฯ ว่า เขาได้ไปเยี่ยมกองทหารที่แนวรบด้านใต้ของยูเครน ซึ่งรัสเซียกำลังรุกคืบหน้า โดยที่มอสโกแถลงเมื่อเร็วๆ นี้ว่า สามารถยึดหมู่บ้าน 3 แห่งในแคว้นแถบนั้น
“ผมได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ทางยุทธการในภาคส่รวนนี้, กิจกรรมของข้าศึก, และความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับพวกผู้ยึดครอง” เซเลนสกี้ เขียนเช่นนี้บนแพลตฟอร์ม X
การไปเยือนของเขาเกิดขึ้นขณะที่รัสเซียอ้างว่าเพิ่งเข้ายึดหมู่บ้านเพิ่มได้อีก 2 แห่งโดยอยู่ในแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน และในแคว้นดนิโปรเปตรอสสก์ ซึ่งอยู่ตอนกลางของยูเครน พร้อมกันนั้นเคียฟยังต้องสาละวนอยู่กับรักษาเมืองโปตรอฟสก์ ศูนย์คมนาคมสำคัญในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)


