xs
xsm
sm
md
lg

Good Cop/Bad Cops? ‘ทรัมป์’มองแง่ดีหวังบรรลุข้อตกลงในการประชุมซัมมิตกับ‘สี’ แต่พวกจนท.สหรัฐฯท่าทีแข็งกร้าวขณะจะเจรจา‘แรร์เอิร์ธ’กับฝ่ายจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธ (22 ต.ค.) แสดงความคาดหมายว่าจะบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนได้ เมื่อทั้งสองพบกันที่เกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจครอบคลุมตั้งแต่การทำให้จีนกลับมาซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯ อีกครั้ง เรื่อยไปจนถึงการจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี น้ำเสียงมองโลกแง่ดีเช่นนี้ของเขา ดูขัดแย้งเป็นอย่างมากกับท่าทีแข็งกร้าวและความเห็นแง่ลบของทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงอเมริกัน ซึ่งกำลังเตรียมตัวเข้าเจรจากับฝ่ายจีนที่มาเลเซีย ในเรื่องศึกการค้าซึ่งทำท่าขยายตัวบานปลาย

ขณะพูดกับพวกผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวด้วยว่า เขายังมีแผนจะหารือเรื่องที่จีนรับซื้อน้ำมันรัสเซีย และมาตรการหยุดยั้งสงครามรัสเซียในยูเครนซึ่งขณะนี้ดำเนินมาเป็นปีที่ 3 แล้ว

“ผมคิดว่าเราจะบรรลุข้อตกลงกันได้” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมกับ มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) พร้อมเสริมว่า เขาเชื่อว่า สี จิ้นผิง ได้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสงครามในยูเครนแล้ว และจะเปิดรับการหารือเกี่ยวกับการยุติสงคราม

“ตอนนี้เขาอยากให้ – ผมไม่แน่ใจว่าเขาอยากให้สงครามยุติลงตั้งแต่แรก – ตอนนี้เขาอยากให้สงครามยุติลง” ทรัมป์ กล่าว

ความคิดเห็นของ ทรัมป์ ขัดแย้งกับคำพูดที่แข็งกร้าวกว่ามากของ เจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) และ สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปเอเชียในวันพุธ (22) เพื่อทำให้การประชุมซัมมิตระหว่าง ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง คราวนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในยุคทรัมป์ 2.0 ยังคงดำเนินต่อไปได้

ประมุขสหรัฐฯ ลดน้ำหนักความขัดแย้งระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งในเรื่องที่จีนประกาศเพิ่มคุมเข้มการส่งออกแม่เหล็กแรร์เอิร์ธ โดยครอบคลุมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งสร้างความวุ่นวายให้กับตลาด ทั้งนี้ทรัมป์เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นเพียง "การสะดุดติดขัด" และบอกว่าเรื่องภาษีศุลกากรเป็นประเด็นที่ "รุนแรงกว่า"

ทรัมป์ ซึ่งอยู่ใต้แรงกดดันจากเกษตรกรสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการที่จีนสั่งซื้อถั่วเหลืองลดลงอย่างมาก ระบุว่าเขาคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับ สี จิ้นผิง ในประเด็นนี้ได้

ทรัมป์ เชื่อว่าข้อตกลงเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ก็เป็นไปได้เช่นกัน โดยระบุว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้เอ่ยถึงความเป็นไปได้ในการลดระดับความตึงเครียดของอาวุธนิวเคลียร์แบบทวิภาคี และจีนอาจเข้าร่วมในความพยายามดังกล่าวด้วย

ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์ค่อนข้างสงบมาหลายเดือน โดย ทรัมป์ ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าเพิ่มเติม 100% ต่อสินค้าจีนซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย. หลังจากที่จีนประกาศเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุแรร์เอิร์ธเกือบทั้งหมด

เบสเซนต์ และ กรีเออร์ กำลังเดินทางไปยังมาเลเซีย ด้วยความหวังที่จะพูดจากับฝ่ายจีนเพื่อคลายความตึงเครียดเกี่ยวกับเรื่องแรร์เอิร์ธนี้ โดยที่ล่าสุดในวันพฤหัสบดี (23) กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงยืนยันว่า รองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง จะนำคณะผู้แทนไปแดนเสือเหลืองวันที่ 24-27 ตุลาคมนี้ และเจรจาทางเศรษฐกิจและการค้ากับฝ่ายสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ในวอชิงตันกำลังกำหนดมาตรการใหม่ๆ ออกมาใช้ หากตกลงกับจีนไม่สำเร็จ โดยเฉพาะคณะบริหารทรัมป์ กำลังพิจารณามาตรการคุมเข้มการส่งออกบรรดาผลิตภัณฑ์ซึ่งควบคุมด้วยซอฟต์แวร์หลากหลายประเภท ไปยังจีน ตั้งแต่แล็ปท็อปไปจนถึงเครื่องยนต์เจ็ท หลังจากที่ ทรัมป์ เองได้เคยขู่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า จะห้ามการส่งออก "ซอฟต์แวร์สำคัญ" ไปยังแดนมังกร

เบสเซนต์ ได้พูดในรายการของเครือข่ายโทรทัศน์ฟ็อกซ์บิสซิเนส โจมตีการคุมเข้มส่งออกแรร์เอิร์ธว่า คือการที่จีนต่อสู้กับทั้งโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะสหรัฐฯ พร้อมกับระบุว่าสหรัฐฯและเหล่าพันธมิตรตะวันตกของตนกำลังพิจารณาวิธีการที่จะตอบโต้ ถ้าไม่สามารถเจรจาให้ปักกิ่งหยุดพักแผนการนี้ หรือมีการบรรเทาในรูปแบบอื่นๆ

“ผมกำลังคาดหวังว่าเราจะสามารถผลักดันเรื่องนี้ให้ออกมาได้ในสุดสัปดาห์นี้ (จากการเจรจากับฝ่ายจีนที่มาเลเซีย) เพื่อที่ทางผู้นำ (ทรัมป์และสี) จะสามารถเข้าสู่การพูดจากันด้วยเนื้อหาที่เป็นไปในทางบวกมากขึ้น” เขากล่าว เบสเซนต์ยังเรียกการพบปะระหว่างทรัมป์กับสี ข้างเคียงการประชุมซัมมิตกลุ่มเอเปกตอนสิ้นเดือนนี้ว่า เป็น “การแวบออกมาคุยกัน” ซึ่งดูอาจจะเป็นความพยายามที่จะลดทอนความคาดหวังจากการประชุมซัมมิตคราวนี้

ทั้ง เบสเซนต์ และ กรีเออร์ ต่างออกมาเน้นย้ำว่า พวกเขาไม่ได้ต้องการให้สหรัฐฯแยกขาดจากจีน หรือทำให้สถานการณ์บานปลายขยายตัว แต่ก็ยืนกรานว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องสร้างสมดุลทางการค้ากันใหม่กับจีน หลังจากสามารถเข้าถึงตลาดจีนได้อย่างจำกัดมากมาหลายสิบปีแล้ว

ในส่วนของ กรีเออร์ ก็ได้พูดในรายการของทีวีช่องธุรกิจซีเอ็นบีซี โจมตีมาตรการแรร์เอิร์ธของจีนว่าเป็นการละเมิดคำมั่นสัญญาที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนเคยให้ไว้ว่าจะรักษาให้มีการจัดหาจัดส่งแรร์เอิร์ธอย่างไม่ให้ติดขัด นอกจากนั้นเขากล่าวว่า สหรัฐฯกับจีนควรต้องหาทางสร้างสมดุลใหม่ทางการค้าในบรรดาสินค้าที่ไม่มีความอ่อนไหว รวมทั้งเขาฟื้นความจำเรื่องที่จีนยังไม่ได้ทำตามพันธะผูกพันที่จะซื้อสินค้าการเกษตรและอุตสาหกรรมของสหรัฐฯอย่างที่ได้ตกลงกันไว้ในสมัยทรัมป์ 1.0

“สหรัฐฯแสดงความเปิดกว้างต่อฝ่ายจีนเสมอมา แต่เนื่องจากนโยบายต่างๆ ของจีนที่กีดกันบริษัทสหรัฐฯ และขับดันให้เกิดภาวะความสามารถการผลิตล้นเกิน ตลอดจนภาวะการผลิตล้นเกินขึ้นในจีน ที่จริงๆ แล้วกำลังขับดันให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้สหรัฐฯพอใจเลย” เขากล่าว “เราไม่สามารถอยู่กันแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว ดังนั้นเราจำเป็นต้องหาเส้นทางเลือกเส้นใหม่”

(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น