xs
xsm
sm
md
lg

จีนย้ำไม่อยากทำสงครามภาษีแต่พร้อมสู้ไม่ถอย ด้านทรัมป์พลิกบท-ยันอเมริกาไม่คิดทำร้ายปักกิ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เรือสินค้าลำหนึ่งแล่นเข้าสู่ท่าเรือในเมืองชิงเต่า ของมณฑลซานตง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.)
จีนย้ำไม่ต้องการทำสงครามภาษีศุลกากร แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงก็ไม่กลัว จากนั้นในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ก็โชว์ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกเดือนกันยายนที่ยังคงขยับสูงขึ้นได้ ด้าน “ทรัมป์” หันมาใช้ไม้อ่อน เผยไม่ต้องการทำร้ายปักกิ่ง แต่ให้ “แวนซ์” รับบทตำรวจเลวขู่ฟ่อวอชิงตันยังมีอาวุธอีกมากมายหากจีนขืนตอบโต้

กระทรวงพาณิชย์จีนออกคำแถลงทางออนไลน์เมื่อวันอาทิตย์ (12) ว่า จีนไม่ต้องการสงครามภาษีศุลกากร แต่ถ้าจะเกิดขึ้นจริงก็ไม่กลัว และเสริมว่าการหาทางออกด้วยการข่มขู่ขึ้นภาษีซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องที่จะใช้กับจีน แต่ถ้าอเมริกาดึงดันจะใช้วิธีนี้ จีนก็จะตอบโต้ขั้นเด็ดขาดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศชาติ

คำแถลงยังระบุว่า ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้อเมริกาออกมาตรการจำกัดกีดกั้นใหม่ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงการเพิ่มรายชื่อบริษัทจีนที่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งควบคุมการส่งออกของอเมริกา

ในส่วนแร่ธาตุหายากหรือแรร์เอิร์ธนั้น คำแถลงแจงว่า รัฐบาลจีนจะมอบใบอนุญาตส่งออกสำหรับการนำไปใช้ทางพลเรือนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยข้อกำหนดใหม่ที่ปักกิ่งเพิ่งประกาศเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ครอบคลุมถึงการกำหนดให้บริษัทต่างชาติต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลจีนสำหรับการส่งออกสินค้าซึ่งมีแรร์เอิร์ธที่มีต้นกำเนิดในจีนอยู่ในผลิตภัณฑ์ด้วย ไม่ว่าสินค้านั้นจะผลิตที่ใดก็ตาม

ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ดำเนินการเหมืองแรร์เอิร์ธประมาณเกือบ 70% ของทั่วโลก และควบคุมการแปรรูปแร่ธาตุหายากเหล่านี้ถึงราว 90% ของทั้งหมด ทั้งนี้การเข้าถึงแรร์เอิร์ธถือเป็นประเด็นขัดแย้งสำคัญประการหนึ่งในการเจรจาการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง เนื่องจากแรร์เอิร์ธเป็นส่วนประกอบสำคัญยิ่งยวดในการผลิตสินค้ามากมายตั้งแต่เครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน มอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้า จนถึงคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์อย่างสมาร์ทโฟน การควบคุมการส่งออกของจีนจึงส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตทั่วโลก

นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์จีนยังแถลงว่า อเมริกาเพิกเฉยต่อข้อกังวลของจีนโดยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือกับเรือจีน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันอังคาร (14 ต.ค.) ดังนั้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 ต.ค.) จีนจึงประกาศว่า จะตอบโต้ด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมเรืออเมริกันในการใช้ท่าเรือจีนเช่นกัน

คำแถลงฉบับนี้ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการครั้งแรกของปักกิ่ง หลังจากเมื่อวันศุกร์ (10) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าของจีนเพิ่มอีก 100% นับจากวันที่ 1 พ.ย. เพื่อตอบโต้มาตรการจำกัดการส่งออกแรร์เอิร์ธล่าสุดของจีน

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากคำแถลงนี้ของฝ่ายจีน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์บนโซเชียลมีเดียปลอบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่าไม่ต้องกังวล และย้ำว่า อเมริกาไม่อยากทำร้าย แต่ต้องการช่วยจีน

อย่างไรก็ตาม ระหว่างให้สัมภาษณ์รายการซันเดย์ มอร์นิง ฟิวเจอร์สของ โทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์ รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ของสหรัฐฯ ยืนยันว่า ทรัมป์ยังคงมุ่งมั่นปกป้องเศรษฐกิจอเมริกาควบคู่กับการทำให้ประเทศพึ่งพาตนเองมากขึ้น และเสริมว่า การที่จีนควบคุมซัปพลายแรร์เอิร์ธที่ทรงสำคัญอย่างมากสำหรับอเมริกา เข้าข่ายเป็นกรณีฉุกเฉินแห่งชาติ จึงสมควรแล้วที่ทรัมป์จะสั่งรีดภาษีศุลกากรจีนเพิ่ม

แวนซ์สำทับว่า หากปักกิ่งตอบโต้อย่างก้าวร้าว ทรัมป์ยังมีไพ่เด็ดที่จะทุ่มวางเดิมพันได้มากกว่าไพ่ของฝ่ายจีน ก่อนทิ้งท้ายว่า อเมริกาจะรอดูอีก 2-3 สัปดาห์ว่า จีนต้องการเริ่มสงครามการค้าหรืออยากคุยอย่างมีเหตุผล

นับจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าของแทบประเทศในโลก เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจาการค้า ทว่า จีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (13) สำนักงานศุลกากรจีนระบุว่า ยอดส่งออกของแดนมังกรในรอบเดือนก.ย.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ของบลูมเบิร์กซึ่งให้ไว้ที่ 6.6% นอกจากนั้นตัวเลขนี้ยังถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับจากเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 7.4% ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์ของบลูมเบิร์กอยู่ที่เพียง 1.9%

อย่างไรก็ตาม จูเลียน อีแวนส์-พริตชาร์ด นักวิเคราะห์ของแคปิตอล อิโคโนมิกส์ ชี้ว่า แม้เศรษฐกิจจีนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถรับมือภาษีศุลกากรของอเมริกาได้ดีกว่าที่กลัวกัน แต่ความตึงเครียดรอบล่าสุดก็จะนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านลบขั้นรุนแรง

เฉพาะยอดส่งออกไปยังอเมริกาในเดือนก.ย.ดิ่งลงถึง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2024 ทว่าการส่งออกไปสหภาพยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกาขยายตัว 14%, 15.6% และ 56.4% ตามลำดับ

ซู เทียนเฉิน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของอิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิตในปักกิ่ง ชี้ว่า บริษัทจีนกำลังเจาะตลาดใหม่ๆ โดยใช้ความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การจัดส่งโดยตรงไปยังอเมริกาขณะนี้คิดเป็นสัดส่วนแค่ 10% ของยอดส่งออกทั้งหมดของจีน ดังนั้น แม้ภาษีศุลกากร 100% ที่ทรัมป์ขู่ไว้ล่าสุด จะเพิ่มความกดดันให้ภาคส่งออกจีน แต่คงไม่มากเท่าในอดีตที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ทีมนักวิเคราะห์ของโนมูระ ยังเชื่อว่า จีนและอเมริกามีแนวโน้มยอมประนีประนอมกันอีกครั้ง และยังมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่เกาหลีใต้ ตอนสิ้นเดือนนี้

(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี/รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น