ขุนคลังสหรัฐฯแย้มในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ทรัมป์จะพบสี จิ้นผิง ที่เกาหลีใต้ปลายเดือนนี้ตามแผนเดิม ขณะที่วอชิงตันและปักกิ่งพยายามผ่อนคลายความตึงเครียดจากการขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์และการออกมาตรการใหม่คุมเข้มการส่งออกแรร์เอิร์ธของจีน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังคงมีท่าทีแข็งกร้าว นอกจากนั้นต่างเดินหน้าเปิดสงครามการค้าทางทะเลด้วยการเริ่มเก็บค่าธรรมเนีคยมท่าเรือเพิ่มขึ้นจากเรือสินค้าของอีกฝ่าย
สองชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกเปิดสงครามการค้ารอบใหม่เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากจีนประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากหรือแรร์เอิร์ธในวันพฤหัสฯ (9) และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ในวันต่อมาด้วยการขู่ขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนอีก 100% สร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงินทั่วโลก รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ทว่าภายหลังช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และทางกระทรวงพาณิชย์จีน ก็มีความพยายามที่จะฟื้นความมั่นใจของเทรดเดอร์และนักลงทุนสองฝั่งแปซิฟิก โดยเน้นย้ำการร่วมมือระหว่างทีมเจรจาของสองประเทศ และความเป็นไปได้ที่จะหาทางในการเดินหน้าต่อไปจากข้อตกลงสงบศึกการค้าชั่วคราวที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ (13) เบสเซนต์ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ บิสเนส เน็ตเวิร์กว่า สถานการณ์คลี่คลายลงอย่างมาก เขายืนยันว่ามีการติดต่อกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ในสัปดาห์นี้ระหว่างการประชุมร่วมประจำปีธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่วอชิงตัน
เบสเซนต์ย้ำว่า ความสัมพันธ์วอชิงตัน-ปักกิ่งยังดีอยู่ นอกจากนั้นทรัมป์ยังกล่าวว่า อัตราภาษีศุลกากร 100% จะยังไม่บังคับใช้จนกว่าจะถึงวันที่ 1 พ.ย. โดยที่เขายังเชื่อว่า ทรัมป์จะพบเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่เกาหลีใต้สิ้นเดือนนี้ตามแผนเดิม
ต่อมาในวันอังคาร (14 ต.ค.) กระทรวงพาณิชย์จีนยืนยันว่า จีนและอเมริกามีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ในช่วงต้นสัปดาห์ รวมทั้งเน้นย้ำการเจรจาอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้ซึ่งจัดขึ้นที่ลอนดอน สต็อกโฮล์ม และมาดริดที่นำไปสู่การเลื่อนเส้นตายภาษีศุลกากรออกไปอีก 90 วัน
กระนั้น โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนเตือนว่า อเมริกาไม่ควรเจรจาควบคู่ไปกับขู่ใช้มาตรการกีดกันใหม่ๆ กับจีนตลอดเวลา
นอกจากนั้น ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สองประเทศยังโทษกันไปมาว่า เสี่ยงทำให้เกิดสงครามการค้ารอบใหม่
วันอาทิตย์ (12) เจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) กล่าวหาจีนผัดผ่อนคำขอของอเมริกาที่ต้องการหารือหลังจากปักกิ่งประกาศข้อกำหนดควบคุมการส่งออกแรร์เอิร์ธใหม่ ซึ่งเขาระบุว่า เป็นการรวบอำนาจ
วันเดียวกันนั้น กระทรวงพาณิชย์จีนวิจารณ์อเมริกาที่สั่งขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือเพิ่มจากเรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับจีน โดยที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร ทั้งนี้อเมริการะบุว่ามีเป้าหมายเพื่อลดอำนาจการควบคุมอุตสาหกรรมพาณิชยนาวีทั่วโลกของจีน และส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือของอเมริกา
ด้านสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของจีน (ซีซีทีวี) รายงานว่า จีนเริ่มตอบโต้ด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือเพิ่มจากเรือสหรัฐฯ เป็นเจ้าของ เป็นผู้ดำเนินการ เป็นผู้ต่อเรือ หรือ ชักธงสหรัฐฯ ตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นไปเช่นเดียวกัน แต่จะยกเว้นเรือที่ผลิตในจีนและเรือเปล่าที่เข้าสู่ท่าเรือจีนเพื่อซ่อมแซม
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังดูเหมือนพร้อมต่อสู้กันตลอดเวลา และต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่า พยายามบ่อนทำลายเศรษฐกิจโลก
เบสเซนต์โจมตีว่า จีนใช้ระบบเศรษฐกิจแบบควบคุมและสั่งการ แต่จะไม่สามารถควบคุมและสั่งการเศรษฐกิจอเมริกาได้ และสำทับว่า ทำเนียบขาวติดต่อกับพันธมิตรมาโดยตลอดและคาดหวังการสนับสนุนจากยุโรป อินเดีย และประเทศประชาธิปไตยในเอเชีย
ขณะเดียวกัน ปักกิ่งกล่าวปกป้องระบบการออกใบอนุญาตส่งออกแรร์เอิร์ธของประเทศ โดยระบุว่า เป็นความพยายามที่จะรักษาความมั่นคง พร้อมกับทำให้เกิดเสถียรภาพขึ้นในการผลิตและในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
เบสเซนต์ยังให้สัมภาษณ์ในรายการมอร์นิง วิธ มาเรียว่า อเมริกาจะคัดค้านข้อกำหนดการออกใบอนุญาตของจีน
ที่ปักกิ่ง กระทรวงพาณิชย์ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า จุดยืนจีนยังคงเดิมคือ ถ้าอเมริกาต้องการสงคราม จีนก็จะสู้จนถึงที่สุด แต่ถ้าอยากคุย จีนก็พร้อมหารือ ก่อนทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเบาลงว่า ทั้งสองฝ่ายควรปกป้องความคืบหน้าในการเจรจาที่ได้มาอย่างยากเย็น โดยยึดตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุผลระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ของผู้นำสองประเทศก่อนหน้านี้
(ที่มา: รอยเตอร์)