xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งไม่มีหงอ! โต้กลับ‘ทรัมป์’ ยันสหรัฐฯเป็นฝ่ายผิดสัญญาสงบศึกการค้า ทั้งตั้งข้อจำกัดสินค้าไฮเทคเข้าจีน แถมเตรียมเพิกถอนวีซ่านักศึกษาแดนมังกร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปักกิ่งโต้ข้อกล่าวหาทรัมป์ ชี้อเมริกาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงสงบศึกการค้าที่เจนีวา ด้วยการเดินเกมทำลายผลประโยชน์จีน ทั้งประกาศแนวทางควบคุมการส่งออกชิปเอไอ ห้ามขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน และยังเตรียมเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีน อย่างไรก็ตาม ด้านขุนคลังสหรัฐฯ มั่นใจความขัดแย้งจะคลี่คลายหลังทรัมป์กับ สี จึ้นผิงได้คุยกัน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

กระทรวงพาณิชย์จีนระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งเมื่อวันจันทร์ (2 มิ.ย.) ว่า “การปฏิบัติเช่นนี้เป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อฉันทามติ” ที่คณะผู้แทนของประเทศทั้งสองได้ตกลงกัน ระหว่างการเจรจาด้านการค้าที่เมืองเจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ ในเดือนที่แล้ว

นี่เป็นการอ้างอิงถึงคำแถลงร่วมจีน-สหรัฐฯที่ออกมาหลังการหารือคราวนั้น ซึ่งวอชิงตันกับปักกิ่งตกลงกันที่จะหั่นภาษีอัตราศุลกากรอัตราสูงลิ่วที่ประกาศจัดเก็บจากกันและกันในระยะหลังๆ นี้ และเริ่มต้นทำการค้าระหว่างกันที่หยุดชะงักไปขึ้นมาใหม่

ทว่าการตกลงลดระดับสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงมาคราวนี้ ยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อคลี่คลายความไม่ลงรอยกันที่อยู่เบื้องลึกลงไประหว่างจีนกับสหรัฐฯ และคำแถลงในวันจันทร์ก็แสดงให้เห็นว่าข้อตกลงเช่นนี้สามารถนำไปสู่ความปั่นป่วนยุ่งเหยิงขึ้นมาอีกได้ง่ายดายแค่ไหน

ในครั้งนั้น สหรัฐฯได้ตกลงลดภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ประกาศจัดเก็บจากสินค้าเข้าจีนเมื่อเดือนเมษายนในอัตรา 145% ลงมาอยู่ที่ 30% ส่วนจีนก็ตกลงหั่นอัตราภาษีศุลกากรซึ่งเก็บจากสินค้าเข้าอเมริกันลงเหลือ 10% จาก 125% ดีลนี้มีอายุ 90 วัน ทำให้คณะผู้เจรจาของทั้งสองฝ่ายมีเวลาสำหรับการบรรลุข้อตกลงที่มีเนื้อหาสาระเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในคำแถลงเมื่อวันจันทร์ (2) กระทรวงพาณิชย์จีนบอกว่าฝ่ายตนได้กระทำตามข้อตกลงข้อตกลงที่เจนีวาอย่างเคร่งครัดแล้ว ทั้งการยกเลิกและระงับภาษีศุลกากร และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร ทว่าวอชิงตันกลับยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการค้าใหม่ๆ ซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันไร้ความแน่นอนและไร้เสถียรภาพมากขึ้น

ทางกระทรวงยังตอบโต้ข้อกล่าวหาเมื่อวันศุกร์ (30 พ.ค.) ของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยบอกว่า แทนที่จะมองตัวเอง อเมริกากลับพยายามพลิกสถานการณ์ด้วยการกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผลว่า จีนละเมิดข้อตกลงที่เจนีวา ทั้งที่ความจริงอเมริกาเป็นฝ่ายออกมาตรการจำกัดแบบเลือกปฏิบัติหลายอย่างกับจีน ซึ่งรวมถึงการประกาศแนวทางควบคุมการส่งออกชิปเอไอ ระงับการขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน และเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีน

คำแถลงเรียกร้องให้อเมริกาพบกันครึ่งทาง แก้ไขการดำเนินการที่ผิดพลาดทันที และเคารพฉันทามติจากการเจรจาการค้าที่เจนีวา พร้อมกันนั้นก็สำทับว่า จีนจะยังคงดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะตอบโต้อเมริกาอย่างไร

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (30 พ.ค.) ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า จะไม่พูดดีกับจีนอีกต่อไป เนื่องจากจีนละเมิดข้อตกลงเจนีวาที่ทำกับอเมริกา

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทรัมป์กล่าวจากห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวว่า จะคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และหวังว่า จะแก้ไขเรื่องนี้ได้

ต่อมาในวันอาทิตย์ (1) สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวให้สัมภาษณ์รายการ “เฟซ เดอะ เนชั่น” ของเครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอสว่า เขามั่นใจว่า ความขัดแย้งจะคลี่คลายลง เมื่อทรัมป์ได้คุยกับสี ซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

ขณะที่ เควิน แฮสเส็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว ขานรับผ่านช่องรายการของเครือข่ายทีวีเอบีซีว่า ทรัมป์และสี อาจโทรศัพท์คุยกันในสัปดาห์นี้ แต่ไม่ได้ยืนยันกำหนดเวลาที่แน่นอน

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า คำแถลงล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์จีนไม่ได้พาดพิงถึงแผนการหารือระหว่างสีกับทรัมป์แต่อย่างใด

ถึงแม้ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจีนละเมิดข้อตกลงที่เจนีวาอย่างไรบ้าง แต่ในวันอาทิตย์ เบสเซนต์ระบุว่า จีนยังคงไม่ยอมผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกสำหรับผลิตภัณฑ์บางรายการตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งรวมถึงแร่ธาตุหายากหรือแรร์เอิร์ธ
ขณะที่ โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์” ว่า จีนถ่วงเวลาปฏิบัติตามข้อตกลง และอเมริกากำลังดำเนินการบางอย่างเพื่อให้จีนรู้ว่า อเมริการู้สึกอย่างไร และสำทับว่า ทรัมป์รู้ดีว่า ต้องทำอย่างไรและกำลังจะลงมือจัดการ

ในวันศุกร์ (30 พ.ค.) นอกจากวิพากษ์วิจารณ์จีนแล้ว ทรัมป์ยังประกาศขึ้นภาษีศุลกากรจากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมนำเข้าอีกเท่าตัวเป็น 50% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธ (4 ) ทำให้สหภาพยุโรป ขู่ตอบโต้

โดยที่แฮสเส็ตต์ บอกว่า การทุ่มตลาดด้วยเหล็กกล้าราคาถูกจากจีน ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของอเมริกา อีกทั้งเป็นอุปสรรคต่อการเตรียมพร้อมของกองทัพสหรัฐฯ

(ที่มา: เอพี/รอยเตอร์/เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น