xs
xsm
sm
md
lg

ยังคุยกันได้หรือ? จีน-สหรัฐฯซัดกันยับเรื่องมาตรการคุมเข้มแรร์เอิร์ธ แถมลุกลามถึงขนาดโจมตีผู้เจรจาการค้าของอีกฝ่าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตัวอย่างของสินแร่บาสต์เนไซต์ (bastnaesite ore) ที่อุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธใช้เป็นวัตถุดิบถลุงเอาธาตุแรร์เอิร์ธหลายชนิด อย่างเช่น ซีเรียม, แลนทานัม, และ นีโอดิเมียม ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาของประเทศจีน ในกรุงปักกิ่ง ในภาพนี้ซึ่งถ่ายวันที่ 14 ต.ค. 2025
จีนกับอเมริกาตอบโต้กันรุนแรง เกี่ยวกับมาตรการคุมเข้มแรร์เอิร์ธของแดนมังกร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ปักกิ่งกล่าวหาในวันพฤหัสบดี (16 ต.ค.) วอชิงตันคือผู้ที่กำลังก่อให้เกิดความตื่นตระหนกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะระบุเจาะจงรัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ ของสหรัฐฯ “บิดเบือนอย่างน่าละอาย” ตอนที่กล่าวถึงผู้เจรจาการค้าระดับท็อปของจีนเมื่อ 1 วันก่อนหน้า พร้อมกันนั้นก็ปฏิเสธเสียงเรียกร้องของทำเนียบขาวให้ยกเลิกมาตรการเหล่านี้ไปเสียเลย

ทางด้านหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เผยแพร่การโต้แย้งรวม 7 ข้อ หลังจากทางพวกผู้เจรจาระดับท็อปของสหรัฐฯออกมาพูดโน้มน้าวแกมสำทับข่มขู่ว่า ปักกิ่งสามารถหลีกเลี่ยงจากคำขู่ของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าเข้าจีนในอัตรา 100% ได้ด้วยการยกเลิกมาตรการคุมเข้มแรร์เอิร์ธทั้งหลายซึ่งแดนมังกรมีกำหนดบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนนี้

ขณะที่พวกนักลงทุนกำลังรู้สึกโล่งอกว่าประเทศเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 1 และ 2 ของโลก 2 รายนี้ มีความพยายามหลีกเลี่ยงจากการตอบโต้ขึ้นภาษีศุลกากรเข้าใส่กันอย่างที่เคยเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา แต่การตอบโต้กันอย่างแรงๆ เช่นนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นชนวนลามไปสู่การเลิกล้มการพบปะเจรจากันระหว่างทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งกำหนดจัดขึ้นเคียงข้างการประชุมซัมมิตกลุ่มเอเปก ที่เกาหลีใต้ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ทั้งนี้เห็นกันว่านัดหมายนี้เองคือจุดที่ยังมีบทบาทช่วยให้ตลาดมีเสถียรภาพอยู่ในปัจจุบัน

“การตีความของสหรัฐฯเช่นนี้เป็นการบิดเบือนความจริงอย่างร้ายแรง อีกทั้งเป็นการขยายมาตรการ (คุมเข้มการส่งออกแรร์เอิร์ธ) ของจีนให้ใหญ่โตเกินจริงไปมาก จึงกำลังเป็นการก่อกวนอย่างจงใจให้เกิดความเข้าใจผิดและความตื่นตระหนก” เหอ หย่งเฉียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ตามปกติ

“ในกรณีที่มีการยื่นคำขออนุญาตส่งออก (แรร์เอิร์ธ) ตามระเบียบที่ (จีน) กำหนดไว้ และมีเจตนาเพื่อใช้ในทางพลเรือน คำขอเหล่านี้ก็จะได้รับการอนุมัติ” เธอกล่าวต่อ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 และ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา จีนได้ขออกมาตรการควบคุมการส่งออกแรร์เอิร์ธฉบับใหม่ๆ ซึ่งเป็นการขยายการควบคุมเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ทำให้พวกผู้เจรจาทางการค้าและบรรดานักวิเคราะห์ทั่วโลกสงสัยข้องใจว่า ใช่หรือไม่ที่จีนตั้งใจจะกำหนดให้พวกโรงงานอุตสาหกรรมไม่ว่าจะทำผลิตภัณฑ์อะไรในโลกที่มีส่วนประกอบของแร่แรร์เอิร์ธทำจากแดนมังกรในสัดส่วนตั้งแต่ 0.1% ขึ้นไปต้องยื่นขอใบอนุญาตจากแดนมังกรก่อน จึงจะส่งออกไปยังจุดหมายปลายทางของตนได้

เรื่องนี้ โฆษกเหอ บอกในการแถลงข่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (15) ที่กรุงวอชิงตัน เจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เรียกมาตรการใหม่เหล่านี้ของจีนว่า เป็น “การรวบอำนาจห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก” เอาไว้ในมือ และกล่าวว่าเขาคาดหวังว่าปักกิ่งจะไม่นำมาบังคับใช้จริงๆ ขณะที่ เบสเซนต์ เสนอแนะว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการขยายข้อตกลงสงบศึกขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันที่ใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งกำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ออกไปอีก 90 วัน

อันที่จริง ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนดูเหมือนค่อนข้างมีเสถียรภาพทีเดียว ภายหลังการพูดคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 19 กันยายนระหว่างทรัมป์กับจีน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเจรจากันระหว่างคณะผู้แทนระดับสูงของทั้ง 2 ประเทศในกรุงมาดริด ที่ถูกมองกันอย่างกว้างขวางว่าประสบความสำเร็จ สืบเนื่องจากสามารถหาทางออกทำความตกลงกันได้เกี่ยวกับกิจการของติ๊กต็อกส่วนที่อยู่ในสหรัฐฯ

แต่การที่บรรยากาศกลับตึงเครียดขึ้นมาใหม่รอบนี้นั้น ปักกิ่งบอกว่าสาเหตุมาจากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศในปลายเดือนกันยายน ขยายบัญชีดำ “Entity List” ของอเมริกาให้ครอบคลุมถึงพวกบริษัทต่างๆ ในจีนตลอดจนในที่อื่นๆ ซึ่งใช้กิจการเครือข่ายของตนเพื่อหลบหลีกมาตรการจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯซึ่งมุ่งควบคุมการส่งออกพวกเครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตชิปตลอดจนสินค้าไฮเทคอื่นๆ

ขณะที่วอชิงตันยืนยันว่า จุดเริ่มต้นมาจากความเคลื่อนไหวคุมเข้มแรร์เอิร์ธของฝ่ายจีน ซึ่งทรัมป์เรียกว่าเป็นการกระทำที่ “ทำให้ตกใจมาก”

ฝ่ายปักกิ่งยืนยันว่า ตนไม่เพียงแจ้งให้วอชิงตันทราบล่วงหน้าก่อนการประกาศใช้ระเบียบกฎเกณฑ์ขอใบอนุญาตใหม่คราวนี้เท่านั้น แต่มาตรการควบคุมของตนยังอยู่ในลักษณะเดียวกับพวกมาตรการที่พวกประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ๆ ได้ประกาศบังคับใช้นานแล้วอีกด้วย

“สหรัฐฯได้เน้นย้ำอย่างเกินเลยมานานแล้วเกี่ยวกับความวิตกกังวลในเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ และมีการใช้มาตรการควบคุมที่มีลักษณะเป็นการล่วงละเมิด ซึ่งมุ่งให้เป็นการปฏิบัติอย่างแบ่งแยกกีดกันเพื่อเล่นงานจีน” นี่เป็นข้อความ 1 ในภาพอินโฟกราฟฟิก 7 ภาพซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่โดยเหรินหมินรึเป้าในวันพฤหัสฯ (16) ภาพอินโฟกราฟฟิกนี้ระบุด้วยว่า ในบัญชีคุมเข้มของวอชิงตันนั้นมีรายการที่ถูกควบคุมยาวกว่า 3,000 รายการ เปรียบเทียบกับบัญชีของปักกิ่งที่มีเพียง 900 รายการเท่านั้น

“การบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเช่นนี้ เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการปฏิบัติของนานาชาติ” ภาพอินโฟกราฟฟิกภาพแรกของเหรินหมินรึเป้าบอก พร้อมกับย้ำว่าปักกิ่งได้กล่าวถึงจุดยืนของตนในการบังคับใช้มาตรการคราวนี้ตั้งแต่ตอนที่ประกาศเรื่องนี้ออกมาแล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์บอกว่า วอชิงตันได้ออกกฎระเบียบทำนองนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1950 แล้ว และกำลังใช้กฎระเบียบเหล่านี้ในช่วงไม่กี่ปีหลังๆ นี้เพื่อหยุดยั้งไม่ให้พวกบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในต่างประเทศ ขายชิปตลอดจนเครื่องจักรอุปกรณ์การทำชิปไปให้แก่จีน ถ้าหากชิปหรือเครื่องจักรอุปกรณ์เหล่านี้มีการใช้เทคโนโลยีสหรัฐฯเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า โกลบอลไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อแท็บลอย์ในเครือของเหรินหมินรึเป้า ก็ได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่กล่าวว่า โดยระบุว่า วอชิงตันไม่ควรแปลกใจกับการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันของปักกิ่ง และเสริมว่า ชนวนเหตุเริ่มต้นของความขัดแย้งรอบนี้คือ การที่อเมริกาผิดสัญญาแบบที่เป็นมาตลอด

รอยเตอร์ชี้ว่า การโต้เถียงกันเกี่ยวกับนโยบายการค้ายังทำท่าจะกลายเป็นการพิพาทส่วนบุคคลขึ้นมา จากการที่ระหว่างพูดออกสื่อในวันพุธ (18) รัฐมนตรีคลังเบสเซนต์ ได้กล่าวถึง หลี่ เฉิงกัง หัวหน้าผู้เจรจาด้านการค้าของจีนว่า เป็นคน “ค่อนข้างจะเพ้อๆ สักหน่อย” และ “หยาบคาย” ขณะที่กล่าวหาว่า หลี่ ได้ข่มขู่ที่จะ “สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้แก่ระบบโลก” ถ้าสหรัฐฯเดินหน้าเรื่องการขึ้นค่าธรรมเนียมใช้เท่าเรืออเมริกันเอากับเรือของจีน อีกทั้ง หลี่ ได้เชื้อเชิญตนเองไปยังวอชิงตันเพื่อพูดจาหารือกับฝ่ายสหรัฐฯในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

“การแสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องเช่นนี้ของฝ่ายสหรัฐฯ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างร้ายแรง” เหอ โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับคำพูดของเบสเซนต์ เธอพูดต่อไปว่า จีน “กำลังเป็นฝ่ายริเริ่มเพื่อให้มีการเจรจากันและการสื่อสารกันกับทางสหรัฐฯ”

เบสเซนต์นั้นพูดด้วยว่า “บางทีรองรัฐมนตรีผู้นี้ (หลี่ เฉิงกัง ยังมีตำแหน่งเป็นรองรัฐมนตรีพาณิชย์ของจีนด้วย) ซึ่งมาปรากฏตัวที่นี่ (กรุงวอชิงตัน) ด้วยการใช้ภาษาที่มุ่งก่อความไม่สงบอย่างยิ่งขึ้นมาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม อาจจะน็อตหลุดไปแล้ว” เบสเซนต์กล่าว

รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯบอกต่อไปว่า ระดับความไว้วางใจกันระหว่างทรัมป์กับสี คือตัวที่ป้องกันไม่ให้ความตึงเครียดบานปลายขยายตัว และรักษาให้ผู้นำทั้งสองยังคงอยู่ในเส้นทางที่จะพบปะกันในเกาหลีใต้ เป็นการสงวนรักษาเส้นทางสำหรับที่มหาอำนาจทั้งสองจะมาทำความเข้าใจกัน ถึงแม้ดูจะมีความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้นำการเจรจาของพวกเขา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เหอบอกว่า “เป็นที่หวังกันว่าสหรัฐฯจะทะนุถนอมความสำเร็จต่างๆ ของการพูดจาทางเศรษฐกิจและการค้าก่อนหน้านี้ และแก้ไขความผิดพลาดต่างๆ ของฝ่ายตนในทันที”

เอเอฟพีรายงานว่า เบสเซนต์ยังกล่าวสำทับว่า อเมริกาไม่ต้องการตัดขาดทางเศรษฐกิจกับจีน แต่จะทำบางอย่างถ้าปักกิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นซัปพลายเออร์ที่ไว้ใจไม่ได้ โดยตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเร็วๆ นี้เจ้าหน้าที่จีนบอกกับบริษัทรถอเมริกาว่า ปัญหาบางอย่างจากช่วงวันหยุดอาจทำให้การจัดส่งแม่เหล็กแรร์เอิร์ธชะลอลง

ขุนคลังสหรัฐฯ โจมตีว่า จีนไม่ได้แค่มีส่วนสนับสนุนสงครามในยูเครน แต่การกระทำของจีนยังสะท้อนความเสี่ยงในการที่ประเทศต่างๆ ต้องพึ่งพิงจีนในด้านแรร์เอิร์ธและอื่นๆ และย้ำว่า ถ้าปักกิ่งอยากเป็นหุ้นส่วนที่วางใจไม่ได้ โลกคงต้องตัดขาดจากจีน

เบสเซนต์ยังบอกอีกว่า วอชิงตันยังมีตัวเลือกในการตอบโต้อีกมากมายที่รวมถึงการควบคุมการส่งออก ถ้าปักกิ่งเดินหน้ามาตรการที่ประกาศไว้ และถ้าพันธมิตรยุโรปร่วมกดดันด้วย อเมริกาพร้อมขึ้นภาษีศุลกากร หากจีนยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย

ก่อนหน้านั้น ขุนคลังสหรัฐฯยังไปกล่าวในงานประชุมที่ซีเอ็นบีซีจัดขึ้นว่า จีนเจตนาอย่างชัดเจนที่จะยกระดับการควบคุมการส่งออกแรร์เอิร์ธ ไม่ได้ทำเพื่อตอบโต้การเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือเพิ่มของอเมริกาอย่างที่กล่าวอ้าง โดยแจงว่า หลี่ เฉิงกัง หัวหน้าคณะเจรจาการค้า และรองนายกรัฐมนตรีเหอ ลี่เฟิง ขู่ตั้งแต่เดือนส.ค.ว่า จะทำให้ระบบโลกปั่นป่วน ถ้าวอชิงตันเดินหน้าค่าธรรมเนียมท่าเรือใหม่

อย่างไรก็ตาม เบสเซนต์ยืนยันว่า วอชิงตันไม่ต้องการตอบโต้จีนขั้นรุนแรง และหวังว่า จะมีการเจรจากันอีกในสัปดาห์นี้ รวมทั้งยังแนะว่า ปักกิ่งสามารถหลบเลี่ยงคำขู่รีดภาษีศุลกากรในอัตราเลข 3 หลักของทรัมป์ด้วยการยกเลิกมาตรการใหม่เกี่ยวกับแรร์เอิร์ธที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 เดือนหน้า

(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น