ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ รับประกันว่าเคียฟจะไม่ใช้ขีปนาวุธโทมาฮอว์กเพื่อจุดประสงค์ทางทหาร และจะไม่ใช้โจมตีพลเมืองในรัสเซีย หากได้รับมอบอาวุธดังกล่าวจากอเมริกา
"เราไม่เคยโจมตีพลเมืองของพวกเขา นี่คือความแตกต่างอย่างมากระหว่างยูเครนกับรัสเซีย" ผู้นำยูเครนให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ "นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ถ้าเราพูดถึงขีปนาวุธพิสัยไกล เราจะพูดเฉพาะกับเป้าหมายทางทหารเท่านั้น"
ความเห็นของเซเลนสกีครั้งนี้ ซึ่งบันทึกเทปไว้ในวันเสาร์(11ต.ค.) แล้วออกอากาศในวันอาทิตย์(12ต.ค.) มีขึ้นหลังจากพบปะพูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายวัน โดยผู้นำยูเครนบอกว่าพวกเขายังคงอยู่ระหว่างหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่วอชิงตันอาจมอบขีปนาวุธพิสัยไกลแก่เคียฟ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ระบุว่าก่อนที่จะตกลงมอบขีปนาวุธโทมาฮอว์ก เขาต้องการรู้ถึงแนวทางการใช้อาวุธชนิดนี้ของยูเครน เนื่องจากไม่อยากเห็นสงครามระหว่างมอสโกและเคียฟลุกลามบานปลาย ขณะที่ เซเลนสกี เผยว่ายังคงอยู่ระหว่างพยายามโน้มน้าวให้ ทรัมป์ อนุมัติข้อตกลงขีปนาวุธนี้
ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก มีพิสัยทำการ 2,500 กิโลเมตร ไกลเพียงพอที่จะโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ในนั้นรวมถึงกรุงมอสโก อย่างไรก็ตามวังเครมลินส่งเสียงเตือนอย่างแข็งกร้าวต่อการจัดหาขีปนาวุธโทมาฮอว์คใดๆให้แก่ยูเครน
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้โทมาฮอว์กโดยปราศจากการมีส่วนร่วมโดยตรงของบุคลากรทางทหารแห่งกองทัพสหรัฐฯ และดังนั้นการจัดหาขีปนาวุธรุ่นนี้ให้แก่ยูเครน จะเท่ากับเป็นการโจมกระพือสถานการณ์ลุกลามบานปลายไปอีกขั้น
แต่กระนั้นในวันอาทิตย์(12ต.ค.) เซเลนสกี กล่าวสุนทรพจน์ในช่วงเย็นในยูเครน บอกว่าเขามองความกังวลอย่างเห็นได้ชัดของฝ่ายรัสเซีย เป็นเหตุผลที่ดีสำหรับเดินหน้าความเคลื่อนไหวดังกล่าว "เราเห็นและได้ยินว่า รัสเซียหวั่นกลัวว่าอเมริกาจะมอบโทมาฮอว์กแก่เรา นี่คือรูปแบบของการกดดันที่อาจได้ผลสำหรับสันติภาพ" ผู้นำยูเครนกล่าว
ความขัดแย้งในยูเครน ถือเป็นสงครามนองเลือดที่สุดของยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียบอกว่าเวลานี้พวกเขาอยู่ในความขัดแย้งร้อนระอุกับตะวันตก ส่วน ปูติน วาดภาพว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับตะวันตก
ที่ผ่านมา ปูติน กล่าวหาตะวันตกลบหลู่ดูหมิ่นรัสเซียมาตลอด หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ด้วยการขยายดินแดนนาโตและกระทำการล่วงล้ำในสิ่งที่เขาเรียกว่ามันขอบเขตอิทธิพลของมอสโก ในนั้นรวมถึงยูเครนและจอร์เจีย
ยูเครนและพันธมิตรกล่าวหารัสเซีย ว่าพยายามยึดดินแดนในลักษณะของจักรวรรดิ และประกาศกร้าวซ้ำๆว่าจะกำราบกองกำลังรัสเซีย
(ที่มา:รอยเตอร์)