ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันอาทิตย์(12ต.ค.) บอกว่าอเมริกาต้องการช่วย ไม่ได้อยากทำร้ายจีน หันมาใช้สุ้มเสียงประนีประนอมดื้อๆ ไม่กี่วันหลังจากเพิ่งขู่รีดภาษีสินค้านำเข้าจากชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกอีก 100%
ถ้อยแถลงของทรัมป์เมื่อวันศุกร์(10ต.ค.) เช่นเดียวกับคำขู่ยกเลิกการพบปะประชุมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในช่วงปลายเดือนนี้ ฉุดให้วอลล์สตรีทดิ่งสู่แดนลบ โดยนักลงทุนกังวลว่ามันอาจโหมกระพือสงครามการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งขึ้นมาอีกรอบ
"สหรัฐฯต้องการช่วยจีน ไม่ได้อยากทำร้ายจีน!" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรุตช์โซเชียลในวันอาทิตย์(12ต.ค.) พร้อมระบุ "ประธานาธิบดีสี ที่เคารพ ไม่อยากเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำอย่างรุนแรง"
ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันศุกร์(10ต.ค.) บอกว่าเขาจะกำหนดเพดานภาษีเพิ่มเติมเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ตอบโต้สิ่งที่เขาโวยวายว่าเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวครั้งใหม่ของจีน ที่ควบคุมการส่งออกในอุตสาหรรมแร่แรเอิร์ธ
ในทางกลับกัน ปักกิ่งกล่าวหาวอชิงตันดำเนินการอย่างไม่ยุติธรรม โดยกระทรวงพาณิชย์ในวันอาทิตย์(12ต.ค.) เรียกคำขู่รีดภาษีของทรัมป์ ว่าเป็น "ตัวอย่างทั่วไปของความมี 2 มาตรฐาน"
กระทรวงพาณิชย์จีนบอกว่าวอชิงตันยกระดับมาตรการทางเศรษฐกิจเล่นงานปักกิ่งมาตั้งแต่เดือนกันยายน และ "คำขู่รีดภาษีระดับสูงในทุกโอกาส ไม่ใช่แนวทางที่เหมาะต่อการคบค้ากับจีน" อ้างอิงถ้อยแถลงที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์
สินค้านำเข้าจากจีนปัจจุบันเผชิญกับเพดานภาษีของสหรัฐฯ 30% ที่ ทรัมป์ กำหนดเล่นงานปักกิ่ง ท่ามกลางคำกล่าวหาว่าจีนให้ความช่วยเหลือพวกผู้ค้ายาเฟนตานิล เช่นเดียวกับปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม
ณ ปัจจุบัน มาตรการรีดภาษีตอบโต้ของจีน อยู่ที่ระดับ 10%
แร่แรร์เอิร์ธ ถือเป็นประเด็นติดขัดหลักๆ ในการเจรจาทางการค้าเมื่อเร็วๆนี้ ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจ
ทั้นี้ แร่แรร์เอิร์ธ มีความสำคัญยิ่งต่อการผลิตทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่สมาร์ทโฟน, รถไฟฟ้า, ยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมไปถึงเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และเกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้การครอบครองของจีนแต่เพียงผู้เดียว
(ที่มา:เอเอฟพี)