พวกชาวบ้านในกรุงปักกิ่ง แสดงท่าทีเมินเฉยและท้าทาย เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคำขู่ล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่จะรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100% ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีในวันเสาร์(11ต.ค.) แม้ขณะเดียวกันพวกเจ้าหน้าที่แดนมังกร ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
เมื่อวันศุกร์(10ต.ค.) ทรัมป์ จู่ๆก็แถลงว่า สหรัฐฯ จะรีดภาษีเพิ่มเติมอีก 100% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนทุกประเภท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป หรืออาจเร็วกว่านั้น ความเคลื่อนไหวที่ก่อคำถามต่อการประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กำลังมาถึง
พวกเจ้าหน้าที่จีนยังไม่ออกมาตอบโต้คำขู่ดังกล่าว ซึ่ง ทรัมป์ บอกว่าเพื่อเป็นการแก้แค้นที่ปักกิ่งกำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกใหม่ ในภาคยุทธศาสตร์ "แร่แรร์เอิร์ธ" ในนั้นรวมถึงกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่ขอแสดงความคิดเห็น ครั้งที่ทางเอเอฟพีติดต่อสอบถามไปในวันเสาร์(11ต.ค.)
"ผมไม่รู้สึกอะไรเลย ในตอนแรกที่ผมเห็นข่าว" หลิว หมิง ลูกจ้างวัย 48 ปีของบริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่งกล่าว "ทรัมป์ทำตัวเหมือนเด็กอยู่ตลอดและดำเนินนโยบายต่างๆที่เอาแต่ใจ จีนไม่กลัวมาตรการคว่ำบาตรหรือนโยบายไหนๆของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายควบคุมเรา เรามีความเชื่อมั่นและมีศักยภาพปรับปรุงพัฒนาตัวเราเองให้ดีขึ้น"
เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ทางเอเอฟพีได้สอบถามความคิดเห็นบนท้องถนนในกรุงปักกิ่งในวันเสาร์(11ต.ค.) หลิว มองว่า ทรัมป์ เป็นคนโลเลเอาแน่เอานอนไม่ได้ "จากมุมมองในฐานะคนจีน เขาเป็นที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เขาเปลี่ยนจากนโยบายนี้ไปยังนโยบายนั้น ก่อความปั่นป่วนไปทั่วโลก"
ชาวบ้านบางส่วนในกรุงปักกิ่ง ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี คาดหมายว่าถ้าสงครามการค้ากับวอชิงตันลุกลามขึ้นอีกรอบ มันจะสงผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเพียงเล็กน้อย "ภาคการนำเข้าและส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเหล่านั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนผลกระทบในบางขอบเขต" เจสซิกา หยู วัย 40 ปีกล่าว "แต่สำหรับประชาชนทั่วไปในจีน ในอนาคตอันใกล้ ฉันไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกเขาสักเท่าไหร่" เธอกล่าว
หยู ยังคร่ำครวญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน "สันติภาพและพัฒนาการทางเศรษฐกิจสามารถเกิดขึ้นได้ เราหวังว่าสิ่งต่างๆจะกลับสู่ภาวะปกติ"
(ที่มา:เอเอฟพี)