ราคาน้ำมันขยับลงราว 2% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนในวันพฤหัสบดี(2ต.ค.) สืบเนื่องจากความกังวลอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี แม้มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ทองคำปรับลด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โอเปก เห็นพ้องเพิ่มกำลังผลิตสูงสุด 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากเดือนตุลาคม ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียหาทางทวงคืนส่วนแบ่งตลาด
ขณะเดียวกันตลาดน้ำมันยังถูกฉุดจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ(อีไอเอ) ที่ระบุในวันพุธ(1ต.ค.) ว่าคลังน้ำมันดิบ, เบนซินและน้ำมันกลั่น ต่างเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สืบเนื่องจากกิจกรรมการกลั่นและอุปสงค์อ่อนแอลง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงเดินหน้าทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี(2ต.ค.) ได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลภาคแรงงานอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางที่เข้าสู่วันที่ 2 แล้ว
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 78.62 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 46,519.72 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.15 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,715.35 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 88.89 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 22,844.05 จุด
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากหุ้นของบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงเอ็นวิเดีย ผู้นำด้านชิปปัญญาประดิษฐ์, แอปเปิล, และ บรอดคอม
สืบเนื่องจากไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเผยแพร่ออกมา ผลจากภาวะชัตดาวน์ พวกนักลงทุนจึงต้องเสาะหาตัวเลขจากแหล่งอื่นๆ ในนั้นรวมถึงรายงานจากบริษัท Challenger, Gray & Christmas ที่คาดหมายว่ามีการปลดคนงานน้อยลงในสหรัฐฯในเดือนกันยายน ทว่าตลอดทั้งปี 2025 จนถึงตอนนี้ มีการจ้างงานต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009
ส่วนราคาทองคำขยับลงเกือบ 1% ในวันพฤหัสบดี(2ต.ค.) ปรับลดจากสถิติสูงสุดตลอดกาลหนึ่งวันก่อนหน้านี้ หลัง ลอรี โลแกน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาดัลลัส เรียกร้องให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 29.40 ดอลลาร์ หรือ 0.80 % ปิดที่ 3,868.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)