รัสเซียประกาศในวันพุธ (24 ก.ย.) เดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในยูเครนต่อไป พร้อมกับตอบโต้ทรัมป์ที่แสดงท่าทีกลับหลังหันในเรื่องยูเครนภายหลังพบหารือกับเซเลนสกี้เมื่อวันอังคาร (23) โดยผู้นำสหรัฐฯเชียร์เคียฟจะสามารถชิงดินแดนที่ถูกมอสโกยึดกลับคืนมาได้ มิหนำซ้ำยังปรามาสแดนหมีขาวเป็น “เสือกระดาษ” อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้เชี่ยวชาญหลายคนอ่านเกมว่า อันที่จริงแล้ว ประมุขทำเนียบขาวกำลังส่งสัญญาณสลัดทิ้งยูเครน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันอังคาร (23 ก.ย.) ภายหลังได้พบเจรจากับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครนในช่วงไปร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก โดยเขากล่าวปรามาสรัสเซียว่าเป็น “เสือกระดาษ” กองทัพรัสเซียไม่สามารถเอาชนะยูเครนได้อย่างรวดเร็ว ซ้ำบอกว่า ยูเครนสามารถชิงดินแดนคืนจากรัสเซียได้ทั้งหมดหรืออาจมากกว่านั้นอีก รวมทั้งสำทับว่าเคียฟควรลงมือตั้งแต่ตอนนี้ เนื่องจากมอสโกกำลังเผชิญปัญหาหนักหน่วงทางเศรษฐกิจ
ทางด้านมอสโก ในวันพุธ (24) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวตอบโต้ว่า เศรษฐกิจรัสเซียยังคงมีเสถียรภาพ ถึงแม้เผชิญปัญหาบางประการที่มีสาเหตุจากมาตรการแซงก์ชั่นของฝ่ายตะวันตก และบอกอีกว่ากองทัพรัสเซียรุกคืบหน้าไปในยูเครนอย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ที่ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบและตั้งใจ และฝ่ายที่กำลังถอยหลังคือเคียฟ ไม่ใช่มอสโก
“ตามที่เราเข้าใจนั้น การแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์เกิดขึ้นมาหลังจากการสื่อสารกับเซเลนสกี้ และดูเหมือนว่าภายใต้อิทธิพลของทัศนะมุมมองที่เสนอออกมาโดยเซเลนสกี้ ทัศนะมุมมองนี้ขัดแย้งตรงกันข้ามเลยกับความเข้าใจของเราเกี่ยวกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน” เปสคอฟกล่าว
“ข้อเท็จจริงที่ว่ายูเครนกำลังได้รับการส่งเสริมปลุกเร้าในทุกๆ ทางที่เป็นไปได้เพื่อให้ยังคงแสดงความเป็นปรปักษ์ รวมไปถึงข้อโต้แย้งที่ว่ายูเครนสามารถชนะได้อะไรบางอย่างกลับคืนไปนั้น ในความเห็นของเราแล้ว เป็นข้อโต้แย้งที่ผิดพลาด ... พลวัตของเส้นแนวหน้าได้พูดออกมาให้ฟังกันด้วยตัวมันเองแล้ว” เขาพูดต่อ
รัสเซียเริ่มบุกยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ความขัดแย้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน และประชาชนหลายล้านทางตะวันออกและใต้ของยูเครนต้องทิ้งบ้านเรือน
จนถึงขณะนี้ รัสเซียควบคุมดินแดนยูเครนได้ราว 1 ใน 5 ซึ่งรวมถึงคาบสมุทรไครเมียที่แดนหมีขาวประกาศผนวกเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนตั้งแต่เมื่อปี 2014 และยังคงสู้รบต่อแม้ว่ากองทัพทั้งสองฝ่ายสูญเสียกำลังพลจำนวนมากก็ตาม
นอกจากนั้น เปสคอฟยังกล่าวในการให้สัมภาษณ์ อาร์บีเค หนังสือพิมพ์ธุรกิจรายงานของรัสเซีย เมื่อวันพุธเช่นกัน โดยเขาปล่อยมุกว่า ไม่เห็นด้วยกับทรัมป์ที่บอกว่า รัสเซียเป็นเสือกระดาษ “รัสเซียนั้นไม่ได้เป็นเสือ รัสเซียถูกโยงใยบ่อยครั้งกว่าว่าเป็นหมี แล้วมันก็ไม่มีสิ่งที่เรียกกันว่า “หมีกระดาษ” โดยที่รัสเซียคือหมีจริงๆ” เขากล่าว
นอกจากนั้น เปสคอฟยังตอบโต้คำกล่าวอ้างที่ว่า รัสเซียละเมิดน่านฟ้าของหลายชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) หลายๆ ครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยเจตนาที่จะทดสอบขีดจำกัดของนาโต โดยโฆษกผู้นี้บอกว่า การที่พวกชาตินาโตออกข่าวเช่นนี้เป็นการเรียกร้องความสนใจ หลังจากทรัมป์ได้ออกมาสนับสนุนให้ชาติพันธมิตรยิงเครื่องบินรัสเซียที่รุกล้ำดินแดน
เปสคอฟสำทับว่า ความพยายามในการฟื้นความสัมพันธ์อย่างครอบคลุมระหว่างมอสโกกับวอชิงตันที่เริ่มต้นขึ้นตอนที่ทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ขณะนี้ได้ผลลัพธ์เกือบเป็นศูนย์
ภายหลังการเปลี่ยนท่าทีแบบกะทันหันเช่นนี้ของทรัมป์ ทางด้านเซเลนสกี้ได้ออกมากล่าวยกย่องว่า เป็น “การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่” จากที่ก่อนหน้านี้พยายามกดดันให้เคียฟยอมยกดินแดนให้รัสเซียเพื่อยุติสงคราม ถึงแม้ยังคงไม่มีความชัดเจนว่า ผู้นำสหรัฐฯ จะสานต่อด้วยมาตรการที่เป็นรูปธรรม เช่น การเพิ่มมาตรการแซงก์ชันแดนหมีขาวหรือไม่ก็ตาม
แต่ขณะที่ท่าทีล่าสุดของทรัมป์มีทั้งสร้างความโล่งใจให้บางฝ่าย ก็มีบางคนสงสัยข้องใจว่า มันอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า อเมริกาพร้อมทิ้งให้ยุโรปรับผิดชอบยูเครนมากขึ้น
นีล เมลวิน ผู้อำนวยการด้านความมั่นคงระหว่างประเทศของอาร์ยูเอสไอ หน่วยงานคลังมองในสหราชอาณาจักร แสดงความเห็นว่า การที่หลายคนรู้สึกมีความหวังเพราะคำพูดล่าสุดของทรัมป์ เป็นสิ่งซึ่งชี้ว่า วามเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครนของผู้นำสหรัฐฯเปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากทรัมป์ยอมรับว่า สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้น ซ้ำยังแสดงความไม่พอใจปูตินอย่างชัดเจน ดังนั้น เขาจึงคิดว่า นี่อาจเป็นความสำเร็จทางการทูตของยูเครนและยุโรป
อย่างไรก็ดี เมลวินสำทับว่า ทรัมป์ยังคงรักษาความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ ด้วยการสนับสนุนยูเครนโดยที่ไม่ได้รับปากว่า จะกลับมาให้ความช่วยเหลือ จึงเท่ากับว่า คำพูดของทรัมป์อาจเปลี่ยนไป แต่ดูเหมือนกำลังพยายามปลีกตัวออกจากความขัดแย้งนี้ และที่ผ่านมาทรัมป์พยายามผลักไสให้ยุโรปรับผิดชอบยูเครนมาตลอดอยู่แล้ว
ด้าน โยฮัน วาเดอฟูล รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ก็แสดงความยินดีกับคำพูดของทรัมป์ แต่สำทับว่า ถึงเวลาแล้วที่ยุโรปจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นและร่วมกันรับผิดชอบตามที่สัญญาไว้กับยูเครน โดยต้องพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ทั้งด้านการเงินและการทหาร แต่ยอมรับว่า คงไม่ง่ายนักที่ยุโรปจะยกระดับด้านความมั่นคง
ประธานาธิบดีคารอล นาวรอคกีของโปแลนด์ กล่าวว่า คำพูดของทรัมป์ “เยี่ยมมาก” แต่เขามองว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสาธารณะมากกว่าการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ยุโรปสองคนตั้งข้อสังเกตว่า ทรัมป์อาจกำลังส่งสัญญาณว่า การช่วยยูเครนตอนนี้ขึ้นอยู่กับยุโรป
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์/อาร์ที)