กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยเศรษฐกิจรัสเซียปีนี้มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ แซงหน้ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงสหรัฐอเมริกา
รายงานที่ไอเอ็มเอฟเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (16 เม.ย.) ระบุว่า เศรษฐกิจรัสเซียซึ่งอยู่ในภาวะสงครามคาดว่าจะเติบโตราว 3.2% ในปี 2024 ซึ่งมากกว่าประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ (2.7%) เยอรมนี (0.2%) สหราชอาณาจักร (0.5%) และญี่ปุ่น (0.9%)
อัตราการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับผลของการลงทุนในระดับสูง (high investment) และการบริโภคภาคเอกชนที่คึกคัก (robust private comsumption) ด้วยปัจจัยเรื่องค่าจ้างที่เพิ่มสูงขึ้นและภาวะตึงตัวของตลาดแรงงาน แต่ไอเอ็มเอฟประเมินว่าผลลัพธ์เช่นนี้จะเริ่มซาลงในปี 2025 และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจแดนหมีขาวน่าจะลดลงมาอยู่ที่ 1.8%
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ของไอเอ็มเอฟยังถือเป็นสัญญาณเตือนชาติตะวันตกว่า มาตรการคว่ำบาตรที่พวกเขาหวังจะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียอ่อนแอลงจนไม่อาจทำสงครามในยูเครนต่อไปได้นั้น “ไม่ยั่งยืน” และตัวเลขการเติบโตในระดับนี้ก็ยิ่งไปเพิ่มน้ำหนักให้คำกล่าวอ้างของ วลาดิมีร์ ปูติน ที่ว่าเศรษฐกิจรัสเซียสามารถทนต่อแรงกดดันของมาตรการแซงก์ชันและการกีดกันการค้าของตะวันตกได้
ในขณะที่บริษัทต่างชาติหลายรายแห่ถอนตัวออกจากรัสเซียหลังเกิดสงคราม มอสโกได้ทำการยึดทรัพย์สินของบริษัทเหล่านี้ โดยจนถึงช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาสามารถยึดได้เป็นมูลค่าถึง 387 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การที่รัสเซียยังสามารถส่งออกพลังงาน น้ำมัน และสินค้าต่างๆ ไปยังตลาดใหญ่อย่างจีนและอินเดีย บวกกับความสามารถในการหลบเลี่ยงมาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันของกลุ่ม G7 ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ภาคการส่งออกพลังงานของรัสเซียยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง
มูลค่าการค้าระหว่างรัสเซียและจีนพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว เนื่องจากจีนเองก็เต็มใจซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากรัสเซียในราคาลดพิเศษหลังจากที่ชาติตะวันตกลดระดับสัมพันธ์การค้ากับมอสโก
ที่มา : business insider