ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องให้มหาอำนาจโลกช่วยหยุดยั้งสงครามของรัสเซียในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อวันพุธ (24 ก.ย.) พร้อมเตือนถึงการแข่งขันด้านอาวุธที่อันตรายซึ่งเป็นผลพวงมาจากความขัดแย้งครั้งนี้
เซเลนสกี เรียกร้องให้มีการจัดทำกฎเกณฑ์ระดับโลกเพื่อจำกัดการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอาวุธ พร้อมอธิบายถึงนวัตกรรมก้าวกระโดดของโดรนที่ใช้งานในยูเครน เขายังกล่าวหาประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียว่าพยายามขยายขอบเขตสงครามออกไปนอกยูเครน
“การหยุดยั้งรัสเซียในตอนนี้ย่อมมีราคาถูกกว่าการจะมานั่งสงสัยว่า ใครจะเป็นคนแรกที่สามารถสร้างโดรนธรรมดาๆ แต่ติดหัวรบนิวเคลียร์ได้” เขากล่าวต่อสมัชชาใหญ่ยูเอ็นซึ่งมีสมาชิก 193 ประเทศ
ความคิดเห็นของ เซเลนสกี มีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่เขาได้พบกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในเวทียูเอ็น ซึ่งดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อเครมลินมากขึ้น
ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอังคาร (23) ว่า เคียฟมีโอกาสทีที่จะทวงคืนดินแดนทั้งหมดจากรัสเซียได้ ซึ่งจะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสนามรบ นอกจากนี้ก็ยังสนับสนุนแนวคิดการยิงเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียที่ละเมิดน่านฟ้าของรัฐสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
เซเลนสกี กล่าวว่า การเกิดขึ้นของเอไอหมายความว่าการแข่งขันด้านอาวุธที่กำลังดำเนินอยู่นั้นมีอานุภาพ “ทำลายล้าง” มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ พร้อมแสดงความผิดหวังในสิ่งที่เขากล่าวว่าเป็นความอ่อนแอของกฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศ
ยูเครนอยู่ในภาวะสู้รบมานานกว่าสามปีครึ่ง นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานเต็มรูปแบบในเดือน ก.พ. ปี 2022 ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งด้านอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
การสนับสนุนจากชาติตะวันตกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเคียฟ ทว่าอนาคตของความช่วยเหลือนั้นยังไม่แน่นอน เนื่องจาก ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างรุนแรง หรือให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่เคียฟ นอกเหนือจากการขายอาวุธ
ทรัมป์ เอ่ยถึงความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องแบกรับภาระในการสนับสนุนเคียฟมากขึ้น และแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนสำนวนภาษาอย่างกะทันหันในสัปดาห์นี้ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งชี้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมจะเพิ่มการสนับสนุนให้อย่างแท้จริง
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พบกับ เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียที่นิวยอร์กเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (24) เละหารือกันเป็นเวลาประมาณ 50 นาที
รองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าทรัมป์ เริ่ม "หมดความอดทน" กับรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะรัสเซีย "ไม่ได้เตรียมการมากพอที่จะยุติสงคราม"
“หากรัสเซียปฏิเสธที่จะเจรจาด้วยความจริงใจ ผมคิดว่ามันจะส่งผลเสียต่อประเทศของพวกเขาอย่างมาก นั่นคือสิ่งที่ประธานาธิบดีได้ชี้แจงไว้อย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนจุดยืน แต่เป็นการยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น” แวนซ์ กล่าว
เซเลนสกีเผยว่า ยูเครนตัดสินใจที่จะเริ่มส่งออกอาวุธให้กับชาติพันธมิตร ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเคียฟกำลังนำเสนอเทคโนโลยีและประสบการณ์จากสงครามเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่เปราะบางกับพันธมิตรต่างชาติ
เซเลนสกี ชี้ว่า การมีมิตรที่มีอำนาจคือสิ่งสำคัญในยุคสมัย แต่ "หากประเทศใดต้องการสันติภาพ ก็ยังคงต้องพัฒนาอาวุธต่อไป มันอาจจะดูไม่ดี แต่นั่นคือความจริง"
ยูเครนวางข้อจำกัดที่เข้มงวดในการส่งออกยุทธภัณฑ์เพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีตกไปอยู่ในมือของศัตรู แต่ก็เริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดเหล่านี้ในกรณีที่มีสต็อกของตนเองอยู่
"คุณไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นการแข่งขันนี้ใหม่ทั้งหมด เราพร้อมที่จะแบ่งปันสิ่งที่พิสูจน์ตัวเองแล้ว" เซเลนสกีกล่าวในเวทียูเอ็น โดยอ้างถึงการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของยูเครน
"เราพร้อมที่จะทำให้อาวุธสมัยใหม่ของเรากลายเป็นความมั่นคงสมัยใหม่ของคุณ เราตัดสินใจที่จะเปิดกว้างในการส่งออกอาวุธ และนี่คือระบบอันทรงพลังที่ผ่านการทดสอบในสงครามจริง เมื่อทุกสถาบันระหว่างประเทศล้มเหลว" เขากล่าว
เซเลนสกี ยังอ้างถึงการละเมิดน่านฟ้าโดยโดรนและเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียในโปแลนด์และเอสโตเนียซึ่งเป็นรัฐสมาชิกนาโตว่าเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า ปูติน กำลังทดสอบขอบเขตใหม่ในสงครามยูเครน
“ตอนนี้โดรนของรัสเซียกำลังบินข้ามยุโรป และปฏิบัติการของรัสเซียก็กำลังแผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆ แล้ว” เขากล่าว “ปูติน ต้องการสานต่อสงครามด้วยการขยายขอบเขต และไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยได้ในเวลานี้”
ที่มา: รอยเตอร์