xs
xsm
sm
md
lg

ยังยิ้มออก! คนใกล้ตัวยอมรับทรัมป์แพ้ดีเบตแฮร์ริส แต่เชื่อมั่นไม่ส่งผลต่อคะแนนเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทั้งพันธมิตร พวกผู้บริจาคเงินผู้สนับสนุน และที่ปรึกษาบางส่วน กล่วยอมรับว่า “ทรัมป์” พลาดท่าให้ “แฮร์ริส” ในการดีเบตครั้งแรกและอาจเป็นครั้งเดียวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) อย่างไรก็ดี สังคมอเมริกันที่แตกร้าวแบ่งข้างแบ่งฝ่ายทางการเมืองกันอย่างชัดเจน ยังดูจะส่งสัญญาณว่า การโต้คารมแสดงวิสัยทัศน์เช่นนี้ยังไม่อาจสร้างแรงกระเพื่อมรุนแรงต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี ให้สัมภาษณ์รายการฟ็อกซ์ แอนด์ เฟรนด์สเมื่อวันพุธ (11) ว่า การโต้วาทีกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส วัย 59 ปี คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต เมื่อคืนวันอังคาร เป็นหนึ่งในการโต้วาทีที่เขาทำได้ดีขึ้นและกระทั่งอาจดีที่สุด แต่ก็บอกด้วยว่า ไม่แน่ใจว่า จะมีการจัดดีเบตกันอีกหรือไม่

ทว่า วุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม ของพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นพันมิตรของทรัมป์ กลับเป็นหนึ่งในเหล่าผู้อาวุโสของพรรคไม่กี่คนที่วิจารณ์ออกสื่อว่า ผลงานการดีเบตล่าสุดของทรัมป์ย่ำแย่ เนื่องจากอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ทิ้งโอกาสในการโฆษณาผลงานของตัวเอง และไม่สามารถควบคุมสมาธิได้

ด้าน คริส คริสตี้ ส.ว.รีพับลิกันอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตพันธมิตรที่แปรพักตร์มาวิจารณ์โจมตีทรัมป์ ระหว่างพยายามรณรงค์แข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 แสดงความเห็นด้วยว่า แฮร์ริสเตรียมตัวมาดีมากซึ่งตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับทรัมป์

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นอกจากนั้นยังมีผู้บริจาคเงินสนับสนุนให้พรรครีพับลิกัน 6 ราย และที่ปรึกษาของทรัมป์ 3 คน ฟันธงว่า แฮร์ริส เป็นผู้ชนะการดีเบต สาเหตุหลักคือเพราะทรัมป์พล่ามพูดนอกประเด็น ซึ่งบางช่วงไปไกลถึงขั้นน่าตกใจ เช่น ตอนที่ทรัมป์ใส่ไข่ข้อกล่าวอ้างเท็จออนไลน์ว่า ผู้อพยพชาวเฮติจำนวนมากในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐโอไฮโอ ออกไปขโมยสัตว์เลี้ยงของผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นกินเป็นอาหาร

ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 8 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง และแค่ไม่กี่วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าในบางรัฐ การโต้วาทีเมื่อวันอังคารจึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่หาได้ยากที่แคนดิเดตทั้งคู่ได้ดวลวิสัยทัศน์กันต่อหน้าผู้ชมทีวีนับล้านๆ โดยข้อมูลของบริษัทนีลเซนระบุว่า การดีเบตที่ถ่ายทอดสดทางเครือข่ายเอบีซี นิวส์ คราวนี้ดึงดูดผู้ชมถึง 67.1 ล้านคน มากกว่าตอนที่ทรัมป์โต้วาทีกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในเดือนมิถุนายนที่มีผู้ชมเพียง 51 ล้านคน

ทีมหาเสียงของแฮร์ริสดูเหมือนมั่นใจในผลลัพธ์จากการโต้วาทีครั้งนี้ จึงท้าทายทรัมป์ให้ดีเบตรอบสองในเดือนหน้า

ทว่า ผู้บริจาค 2 ใน 6 คนบอกว่า ไม่แน่ใจว่า ทรัมป์ควรรับคำท้าหรือไม่ อีกคนมองว่า ขึ้นอยู่กับทีมงานว่า มั่นใจว่าทรัมป์จะมีสมาธิมากกว่าเดิมหรือเปล่า และอีก 2 คนคิดว่า ทรัมป์ต้องดีเบตอีกรอบเพื่อแก้ตัว

อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษา 2 คนของทรัมป์ไม่คิดว่า การดีเบตที่ผ่านมาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่โตกับความคิดเห็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

ขณะเดียวกัน รอยเตอร์เผยว่า การสัมภาษณ์ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ 10 คนภายหลังการดีเบต พบว่า 6 คนบอกว่า จะลงคะแนนให้ทรัมป์หรือมีแนวโน้มสนับสนุนทรัมป์ ขณะที่ 3 คนจะหนุนแฮร์ริส และอีกคนยังไม่แน่ใจว่า จะเลือกใคร

พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่า สังคมอเมริกันที่แตกร้าวเกิดการแบ่งค่ายแบ่งข้างทางการเมืองอย่างชัดเจน หมายความว่า เหตุการณ์ใหญ่ๆ อย่างเช่นการดีเบตแทบไม่มีผลเลยกับการเลือกตั้ง แม้การดีเบตครั้งที่แล้วจะทำให้ไบเดนที่มีผลงานย่ำแย่ต้องจำยอมถอนตัวและส่งไม้ต่อให้แฮร์ริสก็ตาม

ทั้งแฮร์ริสและทรัมป์ต่างรับรู้เรื่องนี้ดี และกลับไปทุ่มเทหาเสียงภายหลังการดีเบตโดยมุ่งหน้าสู่รัฐที่เป็นสมรภูมิเลือกตั้งสำคัญที่จะตัดสินชัยชนะในวันที่ 3 พ.ย.

ในวันพฤหัสฯ (12) แฮร์ริสที่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในการไล่ตามทรัมป์ ซึ่งเคยนำ ไบเดน ตอนที่ยังเป็นผู้สมัครของเดโมแครต อยู่ถึง 6 % เมื่อเดือนที่แล้ว มีกำหนดตระเวนหาเสียงในรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยชูคำสัญญา “เส้นทางใหม่สู่อนาคต” และเล็งโน้มน้าวคนผิวดำและคนหนุ่มสาวให้การสนับสนุนเพื่อให้เธอก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา

ทางด้านทรัมป์ปักหมุดหาเสียงที่เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา โดยมุ่งโฟกัสที่ “เศรษฐกิจที่กำลังง่อนแง่น” ในยุคไบเดน-แฮร์ริส

แอริโซนาเป็นหนึ่งในสมรภูมิเลือกตั้งที่แข่งกันดุเดือดที่สุดในปี 2020 ซึ่งไบเดนชนะทรัมป์แค่ 10,000 คะแนน และคาดว่า การเลือกตั้งปีนี้น่าจะคู่คี่เช่นเดิม

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น