xs
xsm
sm
md
lg

เดโมแครตสยอง - โครงการ 2025

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


โดนัลด์ ทรัมป์
เมื่อกลางปีที่แล้ว (ค.ศ. 2023) ได้ปรากฏเอกสาร 900 หน้า ชื่อว่า โครงการ 2025 ซึ่งเป็นเสมือนแผนที่ (Road Map) แสดงรายละเอียดทั้งนโยบายและวิธีปฏิบัติสำหรับฝ่ายบริหารที่จะเข้ามารับงานที่ทำเนียบขาวในต้นปีหน้า (2025) โดยคาดว่า พรรครีพับลิกัน-ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์-จะได้กลับมาครอบครองทำเนียบขาวเป็นครั้งที่ 2

แผนหรือโครงการนี้ จัดทำโดยมูลนิธิมรดกชาติ (Heritage Foundation) ซึ่งกรรมการมูลนิธิคือ เหล่าอดีตผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวสมัยปธน.ทรัมป์จำนวนมาก และมีการประสานกับองค์กรฝ่ายอนุรักษ์ของสหรัฐฯ เป็นหลายสิบองค์กร โดยมีผู้เกี่ยวข้อง (ที่ทั้งร่างแผนและประชุมโต้เถียงจนแผนคลอดออกมา) เป็น 100 คน

สาเหตุที่มีการจัดทำแผนนี้ขึ้นมา ก็เพราะในปี 2016 ที่ทรัมป์เข้ามารับงานที่ทำเนียบขาวนั้น ดูจะเหมือนเป็นไก่ตาแตก...ด้วยความไม่พร้อมในการจัดทำลำดับความเร่งด่วนของนโยบาย ตลอดจนขั้นตอนละเอียดของนโยบาย และที่สำคัญคือ การหาบุคลากรเข้ามารับหน้าที่ในตำแหน่งบริหารตามกระทรวงทบวงกรมต่างๆ

นักวิชาการและนักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้เตรียมตัวว่าจะชนะเลือกตั้ง เพราะการลงสมัครปธน.ก็เพียงหวังผลทำประชาสัมพันธ์ให้ธุรกิจของตนมากกว่าจะหมายมั่นปั้นมือจะเข้ามาแก้ปัญหาของชาติ (อาจคล้ายกับผู้นำนักอสังหาฯ คนเก่งของไทย ที่จับพลัดจับผลูมาได้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ตึกไทยคู่ฟ้า จนจับต้นชนปลายไม่ถูกและนั่งอยู่ได้ไม่ครบปี!!!)

แต่เป็นเพราะคนระดับล่างเริ่มเบื่อเดโมแครต ที่ไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกหน้าพลิกหลังก็เลยไม่ออกมาลงคะแนน และทำให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง พร้อมกับนโยบายหาเสียงโละความผิดในการถูกแย่งงานทำและค่าจ้างแรงงานต้องแข่งกับแรงงานผิดกฎหมายที่เข้ามาแย่งงานทำ ตามที่ทรัมป์เสนอให้สร้างกำแพงกั้นคนงานลักลอบเข้ามาที่ชายแดนติดเม็กซิโก

แผนแรกคือ การเปลี่ยนบุคลากรจากทุกกระทรวงทบวงกรม ที่จะเปลี่ยนเหยียบแสนคน (ปกติก็แค่ประมาณ 1 หมื่นคน) โดยจะมีรายชื่อแบ่งเป็นกลุ่มๆ ที่จะทำรายชื่อขึ้นมาก่อน (รับสมัครและคัดเลือกล่วงหน้า) โดยจะคัดข้าราชการประจำคนที่แนวโน้มจะเอียงซ้ายหรือแนวคิดอยู่ตรงกลางๆ (ไม่ขวาตกขอบ) ให้ออกไปหมด และจะเป็นตำแหน่งทางการเมืองมากยิ่งขึ้น

จะมีการยุบกระทรวงเช่น กระทรวงศึกษาฯ กระทรวงความมั่นคงภายใน (ที่เพิ่งตั้งขึ้นหน้าเหตุการณ์ 911) ซึ่งรัฐบาลจะเข้าไปคุมเบ็ดเสร็จเจ้าหน้าที่ทุกระดับ

จะมีการควบรวมหลายกระทรวง...และเรื่องบทเรียนประวัติศาสตร์ของชาติจะถอยกลับไปเรียนแต่ประวัติศาสตร์ของคนขาว ที่เป็นฝ่ายชนะ (คนอินเดียนแดง) และเป็นเจ้านายของคนผิวดำ

หน่วยงานเอฟบีไอและซีไอเอ จะเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ใหม่แบบยกกรุ...จะมีแต่คนของรัฐบาลใหม่เข้าทำงาน รับคำสั่งตรงจากปธน.

จะถอยหลังและยกเลิกสิทธิของ LGBTQ รวมทั้งการห้ามทำแท้งในแทบทุกกรณี; รวมทั้งจะส่งกลับผู้อพยพที่กำลังรอการอนุมัติเข้าเมืองจำนวนเป็นล้านๆ คน...ให้ออกนอกประเทศ

เรื่องพลังงานจะหันกลับไปใช้พลังงานฟอสซิล โดยจะเปิดอนุมัติให้มีการสำรวจขุดเจาะน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น...และเลิกอุดหนุน (ด้านภาษี) โครงการที่เกี่ยวกับพลังงานยั่งยืนและพลังงานสีเขียวทั้งหมด...รวมทั้งนโยบายของเดโมแครตที่สอดคล้องกับข้อตกลงยูเอ็นเรื่องโลกร้อน ซึ่งมีการจูงใจให้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าหรือแผงโซล่า...จะยกเลิกหมด...เพราะการใช้น้ำมันและไฟฟ้าจะราคาถูกลงทันที

หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคก็จะยุบทิ้ง เพราะจะเป็นตลาดเสรีที่ผู้บริโภคจะควบคุมคุณภาพและราคาของสินค้าโดยกลไกตลาด

รัฐบาลจะหยุดการเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับหลายชาติเช่น องค์กรนาโต และจะให้ประเทศต่างๆ ดูแลความมั่นคงของตนเองเช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ เป็นต้น

จีนจะถูกจัดเป็นประเทศที่คุกคามสหรัฐฯ มากที่สุด ซึ่งจะมีการทำสงครามการค้าอย่างดุเดือดเช่น ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 60% (ยิ่งถ้าเป็นสินค้าจีน ที่ผ่านมาทางชายแดนเม็กซิโกจะโดนภาษีสูงถึง 200%)

ในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ได้มีการพูดถึงแผนหรือโครงการ 2025 นี้ว่า จะทำลายประเทศสหรัฐฯ โดยสร้างความแตกแยกในสังคมอเมริกัน เพื่อกลับไปยอมรับคนผิวขาวเท่านั้นที่จะผูกขาดเป็นชนส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ... ไม่เปิดให้ความเท่าเทียมกันในหมู่ชนเชื้อชาติอื่นๆ

ยังมีเรื่องการลดภาษีผู้มีรายได้สูง ที่จะจ่ายภาษีรายได้น้อยลง

รวมทั้งบริษัทวิสาหกิจขนาดใหญ่ก็จะจ่ายภาษีน้อยลง และจะลดสวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อยอย่างน่าใจหาย

แม้ทรัมป์จะออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนในการสนับสนุนและจัดทำแผนโครงการนี้แต่อย่างใด แต่จากที่เขาได้แถลงในการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน และการเดินสายหาเสียง ปรากฏนโยบายของเขาก็เป็นเรื่องเดียวกับแผนโครงการ 2025 นี้แทบเป็นเนื้อเดียวกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น