รัสเซียโจมตีกลุ่มอาคารทางประวัติศาสตร์ในเมืองลวิว ทางภาคตะวันตกของยูเครนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 คนเมื่อวันพุธ (4 ก.ย.) หรือหนึ่งวันหลังส่งขีปนาวุธ 2 ลูกถล่มศูนย์ฝึกทหารในเมืองโปลตาวา บริเวณภาคกลางของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 คน บาดเจ็บอีกเกือบ 300 คน ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง การถล่มเช่นนี้ยังเกิดขึ้นขณะที่รัฐมนตรียูเครนหลายคน รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ ดมิโทร คูเลบา ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เพื่อสนองแผนการปรับปรุง ครม.ครั้งใหญ่ของเซเลนสกี ซึ่งระบุว่าต้องการนำเอา “พลังใหม่” เข้าสู่คณะรัฐบาล
มอสโกกำลังระดมโจมตีทางอากาศใส่ยูเครนหนักหน่วงขึ้นในช่วงนี้ หลังถูกยูเครนย้อนศรบุกข้ามแดนเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.
อิกอร์ คลีเมนโก รัฐมนตรีมหาดไทยยูเครน โพสต์บนเทเลแกรมว่า มีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บ 40 คนในลวิว ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็ก 3 คน และปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินอยู่
สำนักงานอัยการแถลงสำทับว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียเมื่อคืนวันอังคาร (3) ย่างเข้าวันพุธ ยังทำให้โรงเรียน ศูนย์การแพทย์ อาคารหลายแห่ง รวมถึงอาคารอย่างน้อย 7 แห่งที่เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญของลวิว ซึ่งตั้งอยู่ในเขตประวัติศาสตร์และพื้นที่กันชนที่ได้รับการรับรองจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้รับความเสียหาย
ขณะกองทัพอากาศระบุว่า การโจมตีในลวิวเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีทั่วยูเครนด้วยขีปนาวุธ 13 ลูก และโดรน 29 ลำ ซึ่งกองทัพสามารถทำลายขีปนาวุธ 7 ลูก และโดรน 22 ลำ
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประณามว่าเป็นการก่อการร้ายของรัสเซีย และเรียกร้องตะวันตกให้จัดหาอาวุธพิสัยไกลเพื่อให้ยูเครนสามารถตอบโต้การก่อการร้ายนี้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
การโจมตีนี้เกิดขึ้น 1 วันหลังจากรัสเซียส่งขีปนาวุธทิ้งตัว 2 ลูกถล่มสถาบันการศึกษาทางทหารในเมืองโปลตาวา ตอนกลางของยูเครนเมื่อเช้าวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดนับจากสงครามปะทุขึ้นเมื่อเดือนก.พ.2022
เซเลนสกีแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีศูนย์ฝึกอบรมทหารและโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงรวม 51 คน และบาดเจ็บ 271 คน นอกจากนั้นยังมีคนจำนวนหนึ่งติดอยู่ใต้ซากอาคาร
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกมาร่วมประณามรัสเซียว่า ทำการโจมตีอย่างต่ำช้า และประกาศว่า อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนต่อไป ซึ่งรวมถึงการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เคียฟ
ส่วน เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ประณามการโจมตีของรัสเซียว่า เป็นความก้าวร้าวที่น่าชิงชัง ขณะที่ อันนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี บอกว่า ความโหดร้ายของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินไม่มีขีดจำกัด
เหตุการณ์นี้ยังสร้างความขุ่นเคืองในโซเชียลมีเดียของยูเครน หลังจากมีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันว่า รัสเซียพุ่งเป้าโจมตีพิธีการทางทหารที่จัดขึ้นกลางแจ้ง โดยหลายคนกล่าวหาว่า เป็นความประมาทของเจ้าหน้าที่ที่อนุญาตให้จัดงานดังกล่าวทั้งที่มีความเสี่ยงที่จะถูกรัสเซียโจมตี
กระแสความไม่พอใจนี้ทำให้เซเลนสกีสั่งให้มีการสอบสวนเรื่องนี้เต็มรูปแบบทันที
เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นขณะที่เซเลนสกีดำเนินการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ โดยมีบุคคลระดับรัฐมนตรีอย่างน้อย 6 คนยื่นใบลาออกเมื่อวันอังคาร เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ รัฐมนตรียุติธรรม และรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม
ต่อมาในวันพุธ คูเลบา ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศมาตั้งแต่ก่อนยูเครนถูกรัสเซียรุกราน ก็ยื่นใบลาออกเช่นกัน
เมื่อถูกพวกผู้สื่อข่าวซักถาม เซเลนสกีให้คำอธิบายว่า ยูเครนต้องการพลังงานใหม่เข้ามาในคณะรัฐบาล โดยที่ขั้นตอนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่รัฐยูเครนในหลายๆ จุด
ในวันพุธเช่นกัน รัฐสภายูเครนลงมติอนุมัติการลาออกของรัฐมนตรีเหล่านี้ส่วนหนึ่ง ทว่ามีเสียงเห็นชอบไม่พอสำหรับรับรองการออกจากตำแหน่งของรองนายกฯ และรัฐมนตรีอาวุโสอีกผู้หนึ่ง สำหรับกรณีของ คูเลบา คาดว่ารัฐสภาจะพิจารณาลงมติในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดสำนักประธานาธิบดีรายหนึ่งระบุว่า เซเลนสกี กับ คูเลบา ยังจะพบหารือและตัดสินใจกันเกี่ยวกับตำแหน่งในอนาคตของคูเลบา
ทั้งนี้ เซเลนสกีสั่งปรับคณะรัฐมนตรีมาแล้วหลายครั้งนับจากสงครามเริ่มต้น โดยปลดรัฐมนตรีกลาโหมเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว หลังกรณีอื้อฉาวในการทุจริตหลายระลอก และไม่นานมานี้ยังเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทหารสูงสุดขณะที่กองกำลังยูเครนเพลี่ยงพล้ำในสนามรบ
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังกรณีอื้อฉาวอีกครั้งของกองทัพยูเครน จากเหตุการณ์ที่เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ตกในการสู้รบสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้นักบินเสียชีวิต ขณะที่เคียฟพยายามล็อบบี้ให้ตะวันตกจัดหาเครื่องบินขับไล่ขั้นสูงมานานนับเดือน และยังทำให้มิโคลา โอเลชชุค ผู้บัญชาการกองทัพอากาศถูกปลด
(ที่มา : เอเอฟพี)
