ยูเครนเปิดเผยในวันเสาร์ (25 พ.ย.) สอยร่วงโดรน 74 จากทั้งหมด 75 ลำ ที่รัสเซียปล่อยออกมาช่วงค่ำคืนวันศุกร์ (24 พ.ย.) ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นการโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่มอสโกเริ่มเปิดฉากรุกราน
กองทัพยูเครนระบุว่ารัสเซียเปิดฉากโจมตีด้วยโดรนชาเฮดที่ผลิตโดยอิหร่าน "ครั้งมากสุดเป็นประวัติการณ์" โดยมีเป้าหมายหลักเล่นงานกรุงเคียฟ ก่อให้เกิดไฟดับ ท่ามกลางอุณหภูมิที่กำลังดำดิ่งต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในวาระยูเครนรำลึกครบรอบวันโฮโลโดโมร์ (Holodomor Remembrance Day) ซึ่งเป็นการระลึกถึงความอดอยากของประชาชนชาวยูเครนหลายล้านคนในช่วงทศวรรษ 1930 ภายใต้ โจเซฟ สลาติน ผู้นำจอมเผด็จการของโซเวียต
"ศัตรูปล่อยโดรนโจมตียูเครนในจำนวนมากสุดเป็นประวัติการณ์ ทิศทางหลักของการโจมตีคือกรุงเคียฟ" พล อ.มีคาโล โอเลสชุค ผู้บัญชาการกองทัพอากาศยูเครนเผย พร้อมระบุว่ากองทัพอากาศได้สอยร่วงโดรนชาเฮด 74 จากทั้งหมด 75 ลำ
เจ้าหน้าที่เคียฟเปิดเผยว่า มีประชาชน 5 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 11 ขวบ ได้รับบาดเจ็บในเมืองหลวง หลังปฏิบัติการจู่โจมทางอากาศลากยาวประมาณ 6 ชั่วโมง ขณะที่ วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เผยว่าเศษซากโดรนที่ร่วงหล่นลงมาก่อให้เกิดไฟไหม้และก่อความเสียหายแก่อาคารหลายหลังทั่วเมืองหลวง
กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุในถ้อยแถลง ประณามการโจมตีด้วยห่าโดรน ด้วยถ้อยคำที่หนักหน่วงที่สุด
ท่ามกลางปฏิบัติการรุกรานของรัสเซียที่ลากยาวมานานกว่า 21 เดือนแล้ว การสู้รบที่หนักหน่วงที่สุดเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครน และตอนนี้มีใจกลางอยู่ที่แถวเมืองอัฟดิฟกา ซึ่งแทบถูกปิดล้อมโดยกองกำลังรัสเซีย
กองทัพยูเครนระบุว่าแม้เป้าหมายหลักของการโจมตีด้วยโดรนอยู่ที่กรุงเคียฟ แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศต้องทำงานเช่นกันในทางภาคใต้ของประเทศ
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า การที่รัสเซียส่งโดรนมากกว่า 70 ลำมาโจมตียูเครนในคืนก่อนวันรำลึกโฮโลโดโมร์ (Holodomor Remembrance Day) สะท้อนว่าผู้นำรัสเซียภูมิใจที่ได้ฆ่าคน "โดรนชาเฮดมากกว่า 70 ค่ำคืนก่อนวันรำลึกโฮโลโดโมร์ ผู้นำรัสเซียคงภูมิใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า พวกเขาสามารถฆ่าคนได้"
เซเลนสกี เข้าร่วมพิธีหนึ่งกับบรรดาผู้บัญชาการทหารระดับสูง จุดเทียน และร่วมระลึกในวันวันรำลึกโฮโลโดโมร์
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "เรารำลึกในวาระครบรอบวันโฮโลโดโมร์ ในขณะที่ประชาชนผู้กล้าหาญชาวยูเครนยังคงปกป้องเสรีภาพของพวกเขาและอธิปไตยของยูเครน จากสงครามแห่งการรุกรานอันป่าเถื่อนของรัสเซีย"
"90 ปีก่อน นโยบายที่ไร้ความปรานีของโจเซฟ สลาติน และระบอบโซเวียต ก่อความตายจากความหิวโหย" เขากล่าว "วันนี้ โครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรของยูเครน กลายเป็นเป้าหมายโดยจงใจอีกครั้ง และคราวนี้โดยวลาดิมีร์ ปูติน ส่วนหนึ่งในแรงขับของเขาในด้านการพิชัยชัยและอำนาจ"
ยูเครนกล่าวหาว่า โฮโลโดโมร์ ซึ่งชาวยูเครนอดอยากจนตาย มีต้นตอจากนโยบายต่างๆด้านการเกษตรโดยจงใจของโซเวียต อย่างไรก็ตาม มอสโกปฏิเสธคำกล่าวหานี้ พร้อมชี้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของภาวะข้าวยากหมากแพงในวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ต่างๆ ของรัสเซีย ครั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตด้วยเช่นกัน
เซเลนสกี กล่าวว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่เคียฟจะให้อภัยหรือลืมอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อันน่าสยดสยองดังกล่าว และขอบคุณรัฐบาลของหลายประเทศที่รับรองโฮโลโดโมร์ ว่าเป็นการก่ออาชากรรมกับยูเครนโดยจงใจ "พวกเขาพยายามปราบปรามเรา พยายามฆ่าเรา และขุดรากถอนโคนพวกเรา แต่พวกเขาล้มเหลว"
(ที่มา : เอเอฟพี)