ตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ และนาโต เมื่อวันเสาร์ (7 ต.ค.) ออกมาประณามเหตุโจมตีก่อการร้ายเล่นงานอิสราเอลของพวกฮามาส พร้อมระบุพันธมิตรแห่งนี้มีสิทธิโดยชอบธรรมในปกป้องตนเอง ผิดกับทางสหประชาชาติและรัสเซีย ที่เรียกร้องให้ใช้ความพยายามทางการทูตป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุในวันเสาร์ (7 ต.ค.) ว่าแรงสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิสราเอลนั้น "แข็งแกร่งดั่งภูผาและไม่เปลี่ยนแปลง" หลังกลุ่มนักรบปาเลสไตส์ฮามาส สร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่เล่นงานอิสราเอล "สหรัฐฯ ยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล เราจะไม่มีวันพลาดให้การสนับสนุนพวกเขา" ไบเดน กล่าวในถ้อยแถลงที่ทำเนียบขาว โดยมี แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศยืนอยู่ข้างๆ
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน อาเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "สหรัฐฯ ขอประณามอย่างแจ่มชัดต่อการโจมตีพลเมืองอิสราเอล โดยปราศจากการยั่วยุโดยพวกก่อการร้ายฮามาส" พร้อมระบุ "การก่อการร้ายใดๆ ไม่มีวันอ้างความชอบธรรมได้"
ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ได้พูดคุยกับ ซาชิ ฮาเนกบี ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอลไปแล้ว และจะยังคงติดต่อกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรอิสราเอล ในด้านปฏิบัติการต่างๆ "เรายืนหยัดหนักแน่นร่วมกับรัฐบาลและประชาชนอิสราเอล และขอส่งสารแสดงความเสียใจของเราไปถึงชาวอิสราเอลที่สูญเสียชีวิตในเหตุโจมตีนี้" วัตสัน กล่าว
ในถ้อยแถลงแยกกัน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม เน้นย้ำว่าพันธสัญญาของสหรัฐฯ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงต่อสิทธิการป้องกันตนเองของอิสราเอล "ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ทางกระทรวงกลาโหมจะหาทางรับประกันว่า อิสราเอล จะมีสิ่งที่จำเป็นสำหรับป้องกันตนเองและปกป้องพลเรือนจากความรุนแรงและก่อการร้ายไม่เลือกหน้า"
เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ทางองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในวันเสาร์ (7 ต.ค.) ประณามการโจมตีก่อการร้ายของพวกฮามาสต่ออิสราเอล พันธมิตรของนาโต" โฆษกของพันธมิตรทหารแห่งนี้กล่าว "เราขอส่งความห่วงใยถึงเหยื่อและบรรดาผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ก่อการร้ายคือภัยคุกคามโดยรากฐานต่อสังคมเสรี และอิสราเอลมีสิทธิโดยชอบธรรมในการปกป้องตนเอง"
เจมส์ เคลเวอร์ลี รัฐมนตรีต่างประเทศของสหราชอาณาจักร ในวันเสาร์ (7 ต.ค.) ประณามการโจมตีใส่อิสราเอล โดยฝีมือพวกนักรบปาเลสไตน์ที่อยู่ในฉนวนกาซา เช่นกัน "สหราชอาณาจักรขอประณามอย่างชัดเจน ต่อการโจมตีอันน่าขยะแขยงของพวกฮามาส เล่นงานพลเรือนอิสราเอล สหราชอาณาจักรจะสนับสนุนอิสราเอล ในด้านสิทธิในการป้องกันตนเองเสมอ" เขาเขียนบนสื่อสังคมออนไลน์
ส่วน อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ระบุว่า การโจมตีที่น่าประหลาดใจของกลุ่มนักรบฮามาส เล่นงานอิสราเอล เสี่ยงยั่วยุทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายครั้งใหญ่ในภูมิภาค โดยเตือนว่าพวกผู้แสดงอื่นๆ ในตะวันกลางอาจร่วมวงความเป็นปรปักษ์ครั้งนี้ด้วย "การก่อการร้ายของพวกฮามาส เป็นอีกครั้งที่ผลักภูมิภาคแห่งนี้ห่างไกลจากสันติภาพไปอีก"
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในวันเดียวกัน เรียกร้องให้ใช้ความพยายามทางการทูตในตะวันออกกลาง เพื่อป้องกันความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามบานปลาย ตามหลังการโจมตีใส่อิสราเอลของพวกฮามาส "ขอเรียกร้องใช้ทุกความพยายามทางการทูตหลีกเลี่ยงการลุกลามในวงกว้าง มีเพียงแค่การเจรจาเท่านั้นที่จะทำให้ทางออกแบบ 2 รัฐ (Two-State Solution) สามารถบรรลุได้โดยสันติ"
มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เรียกร้องให้กองกำลังอิสราเอลและปาเลสไตน์ แสดงความอดทนอดกลั้นและหยุดความเป็นปรปักษ์ติดอาวุธ "เราเรียกร้องทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอล หยุดยิงในทันที ละทิ้งความรุนแรงและแสดงออกถึงความอดทนอดกลั้น"
นอกจากนี้ เธอยังเรียกร้องฝ่ายต่างๆ ให้จัดตั้งกระบวนการเจรจาที่มีเป้าหมายสร้างสันติภาพอย่างครอบคลุมและยั่งยืนที่เฝ้ารอกันมานาน ภายใต้ความช่วยเหลือของประชาคมนานาชาติ
ฮามาส กลุ่มนักรบปาเลสไตน์ ระดมพลเปิดฉากเข้าโจมตีขนาดใหญ่เล่นงานอิสราเอลอย่างชนิดเซอร์ไพรส์ไม่คาดคิดตอนเช้ามืดวันเสาร์ (7 ต.ค.) โดยทั้งระดมยิงจรวดนับพันลูกจากดินแดนกาซา และทั้งส่งกำลังภาคพื้นดินบุกเข้าสังหารและจับผู้คนในเขตแดนรัฐยิว ขณะที่อิสราเอลตอบโต้แก้เผ็ดด้วยการถล่มโจมตีทางอากาศ ส่งผลให้ทั้ง 2 ฝ่าย มีผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วอย่างน้อย 480 คน
(ที่มา : เอเอฟพี)