เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของทำเนียบขาว เดินทางถึงกรุงปักกิ่งตอนบ่ายวันอังคาร (27 ส.ค.) เตรียมหารือกับหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสองชาติมหาอำนาจก่อนที่อเมริกาจะจัดเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. ขณะเดียวกับที่ปักกิ่งกำลังมีปัญหาขุ่นเคืองอยู่กับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ สองพันธมิตรสำคัญของวอชิงตันในเอเชีย
ทั้งนี้เมื่อวันจันทร์ (26) ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินขับไล่ไปสกัดเครื่องบินตรวจการณ์ลำหนึ่งของกองทัพจีนที่รุกล้ำน่านฟ้าบริเวณหมู่เกาะดันโจ ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งโตเกียวระบุว่า เป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างร้ายแรงและยอมรับไม่ได้
ต่อมาในวันอังคาร (27) ระหว่างเข้าร่วมการประชุมที่จัดโดยกองบัญชาการทหารภาคอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯา กิลเบอร์โต ทีโอโดโร รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ได้กล่าวหาปักกิ่งเป็นผู้ที่ขัดขวางสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างชัดเจนที่สุด ภายหลังเรือของฟิลิปปินส์และจีนเผชิญหน้ากันหลายครั้งตลอดสัปดาห์ที่แล้วในบริเวณแนวสันดอนที่เป็นกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้
เครื่องบินของซัลลิแวน ร่อนลงจอดที่สนามบินกรุงปักกิ่งเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันอังคาร โดยมีนิโคลัส เบิร์นส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจีน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกา รวมถึงหยาง เถา เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศจีน ให้การต้อนรับ
ก่อนออกเดินทางเที่ยวนี้ เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ซัลลิแวน ซึ่งถือเป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของอเมริกาคนแรกที่เยือนจีนนับจากปี 2016 เตรียมจะหารือกับพวกเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของจีน รวมไปถึง หวัง รัฐมนตรีต่างประเทศ ในช่วงซึ่งเขาอยู่ในจีนระหว่างวันอังคารถึงพฤหัสฯ (27-29 ส.ค.) ทั้งในประเด็นไต้หวัน ทะเลจีนใต้ การที่จีนให้การสนับสนุนรัสเซียในสงครามยูเครน และการค้า
ด้านรอยเตอร์รายงานว่า ซัลลิแวนต้องการขยายการเจรจาระหว่างสองฝ่ายในระดับกองทัพกับกองทัพ ลงไปถึงระดับกองบัญชาการยุทธบริเวณ เพื่อป้องกันความขัดแย้งในบริเวณที่เฉพาะเจาะจง เช่น ช่องแคบไต้หวัน
ทั้งนี้ สหรัฐฯกล่าวหาว่า จีนกำลังเดินหน้าแสดงแสนยานุภาพกดดันไทเปนับจากไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่ชูแนวคิดความเป็นเอกราชของไต้หวัน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อต้นปี
นอกจากนั้นซัลลิแวนยังเตรียมะเน้นย้ำความกังวลของอเมริกาเรื่องที่จีนให้การสนับสนุนการขยายอุตสาหกรรมกลาโหมของรัสเซียนับตั้งแต่มอสโกบุกยูเครน
เกี่ยวกับเรื่องหลังนี้ จีนโต้ว่า ตนไม่ได้จัดหาอาวุธโดยตรงให้คู่สงคราม ขณะที่อเมริกาต่างหากที่ปฏิบัติเช่นนั้นกับยูเครน
กระทรวงการต่างประเทศจีนยังแถลงว่า ในการเจรจากับซัลลิแวน จีนยังต้องการแสดงการคัดค้านมาตรการภาษีศุลกากรของอเมริกาที่เรียกเก็บจากสินค้าอุตสาหกรรมหลายรายการของจีน รวมทั้งมาตรการควบคุมการส่งออกที่พุ่งเป้าที่ผู้ผลิตชิปจีน รวมทั้งหารือเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์อธิปไตยเหนือไต้หวัน
คำแถลงสำทับว่า อเมริกายังคงใช้มาตรการที่ไร้เหตุผลต่อจีนในรูปภาษีศุลกากร การควบคุมการส่งออก การตรวจสอบการลงทุน และการแซงก์ชันฝ่ายเดียว ซึ่งบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีนอย่างรุนแรง
ทั้งสองประเทศยังจับตาแนวโน้มสงครามกาซาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากอาจลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค
ที่ผ่านมาจีนกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา เนื่องจากมองว่า ตำแหน่งนี้เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจและใกล้ชิดกับประธานาธิบดี และสามารถหารือกันได้โดยไม่ตกเป็นเป้าของสื่อ ไม่เหมือนกับรัฐมนตรีต่างประเทศหรือผู้นำระดับสูงอื่นๆ ของสหรัฐฯที่มักมีสื่อติดสอยห้อยตามทำข่าว
นับจากปีที่แล้ว ซัลลิแวนและหวัง พบปะกันแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งรวมถึงครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่กรุงเทพฯ และการหารือกันของทั้งคู่มีเป้าหมายเพื่อหาทางทำให้การแข่งขันระหว่างสองชาติมหาอำนาจเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ
สำหรับการพบกันครั้งนี้เป็นไปได้ว่า อาจเป็นการปูทางสู่การพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังจะลงจากตำแหน่งต้นปีหน้า กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน โดยทั้งสองผู้นำอาจหารือกันระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่เปรูเป็นเจ้าภาพ และซัมมิตกลุ่มจี-20 ที่บราซิล ซึ่งทั้งสองงานจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)
