ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เตรียมพบปะหารือซึ่งหน้าครั้งแรกในรอบปีวันนี้ (15 พ.ย.) ที่คฤหาสน์หรูชานนครซานฟรานซิสโก ขณะที่หลายฝ่ายคาดหวังว่าการพูดคุยครั้งนี้จะช่วยฟื้นฟูสายสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจที่ขัดแย้งกันในหลายเรื่อง ตั้งแต่การทหาร ปัญหายาเสพติด เรื่อยไปจนถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้สูงนัก เนื่องจากทั้ง ไบเดน และ สี คาดว่าจะมีการคุยกันในเรื่องไต้หวัน ทะเลจีนใต้ สงครามอิสราเอล-ฮามาส สงครามรัสเซีย-ยูเครน เกาหลีเหนือ และปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นประเด็นที่ทั้ง 2 ฝ่ายขัดแย้งกันมายาวนาน
ไบเดน และ สี เดินทางถึงนครซานฟรานซิสโกตั้งแต่วันอังคาร (14) และเตรียมเปิดการหารือทวิภาคีคู่ขนานไปกับการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก)
บรรดาผู้นำจาก 21 ประเทศและเหล่าซีอีโอจากภาคธุรกิจอีกหลายร้อยคนจะประชุมหารือร่วมกันท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงซบเซา รวมถึงข้อพิพาทระหว่างจีนกับเพื่อนบ้าน และสงครามในตะวันออกกลางที่ทำให้สหรัฐฯ ต้องหมางใจกับพันธมิตรหลายประเทศ
ไบเดน นั้นต้องการพูดคุยโดยตรงกับ สี มานานแล้ว โดยหวังว่าสายสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีมานานนับสิบปีกับ สี ซึ่งเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจที่สุดของจีนนับตั้งแต่ยุค เหมา เจ๋อตง จะช่วยกอบกู้ความสัมพันธ์วอชิงตัน-ปักกิ่งที่นับวันดูเหมือนจะทวีความตึงเครียดหนักขึ้นเรื่อยๆ
การหารือนอกรอบระหว่างผู้นำทั้งสองจะมีขึ้นที่คฤหาสน์ฟิโลลี (Filoli Estate) ในเมืองวูดไซด์ (Woodside) ซึ่งอยู่ห่างจากนครซานฟรานซิสโกไปทางใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร โดยสถานที่นี้ได้ถูกเลือกเฟ้นมาอย่างรัดกุม เนื่องจากมีบรรยากาศอันร่มรื่น ห่างไกลชุมชน และสะดวกในการรักษาความปลอดภัย
“เราเตรียมจัดโต๊ะเอาไว้ล่วงหน้านานหลายสัปดาห์สำหรับการสนทนาซึ่งเราหวังว่าคงจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ตรงไปตรงมา และสร้างสรรค์” จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ในการหารือซึ่งอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง คาดว่า ไบเดน จะพยายามโน้มน้าวให้ สี จิ้นผิง ใช้อิทธิพลของจีนกดดัน “อิหร่าน” ไม่ให้กระทำการยั่วยุหรือสั่งให้พวกกองกำลังติดอาวุธตัวแทนกระโดดเข้าร่วมวงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
ผู้นำสหรัฐฯ ยังคาดว่าจะเอ่ยถึงปฏิบัติการของจีนในการใช้อิทธิพลแทรกแซงศึกเลือกตั้งในต่างประเทศ รวมถึงชะตากรรมของพลเมืองอเมริกันที่วอชิงตันเชื่อว่าถูกจับกุมอย่างไม่เป็นธรรมในจีน
สหรัฐฯ คาดหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะกำหนดมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อรื้อฟื้นการสื่อสารระดับเจ้าหน้าที่ในประเด็นเฉพาะเจาะจงต่างๆ เช่น การสื่อสารระหว่างกองทัพ การต่อต้านเครือข่ายยาจีนที่ผลิตสารเฟนทานิล รวมถึงแนวทางบริหารจัดการการเติบโตของเทคโนโลยีเอไอ การค้า และปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เจ้าหน้าที่อเมริกันระบุว่า สารเคมีหลายชนิดที่ใช้ในกระบวนการผลิตเฟนทานิลนั้นมาจากจีน และสหรัฐฯ ต้องการให้จีนร่วมมือในการยับยั้งการลักลอบขน “สารเคมีตั้งต้น” เหล่านี้
เฟนทานิลเป็นสารโอปิออยด์สังเคราะห์หรือสารระงับความปวดที่มีความรุนแรงมากกว่าเฮโรอีนถึง 50 เท่า และมักถูกนำไปผสมกับยาเสพติดอื่นๆ เพื่อเพิ่มการออกฤทธิ์ให้แรงขึ้น
จำนวนผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดที่พัวพันกับสารเฟนทานิลในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัวระหว่างช่วงปี 2016 จนถึงปี 2021 ตามข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ขณะที่ข้อมูลสถิติของรัฐบาลสหรัฐฯ พบว่า ในแต่ละปีมีคนเสียชีวิตจากการใช้สารโอปิออยด์สังเคราะห์เกินขนาดนับหมื่นๆ ราย
ทั้งนี้ คาดว่า ไบเดน จะเน้นย้ำกับ สี ว่าความมุ่งมั่นที่สหรัฐฯ มีต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกนั้น “ไม่เปลี่ยนแปลง” หลังจากที่จีนได้สร้างความวิตกกังวลต่อเพื่อนบ้านหลายประเทศด้วยปฏิบัติการต่างๆ ทั้งในช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับหลายๆ ชาติ
เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า ไบเดน ยังตั้งใจที่จะประกาศจุดยืนสนับสนุนความมั่นคงให้แก่ฟิลิปปินส์ด้วย
ที่มา : รอยเตอร์